พอดีว่าผมไปเช่าวีซีดีหนังเก่าเก็บเรื่องนึงมาดูครับ เรื่อง Battlefield Earth หนังแนววิทยาศาสตร์ ซึ่งพอลองสืบค้นใน wikipedia แล้วก็ได้รู้มาว่า ตอนเป็นนิยายวิทยาศาสตร์นั้น Battlefield Earth ขายดีมาก แต่พอเอามาทำเป็นหนังกลับกลายเป็นหนังยอดแย่ไป

ปรกติแล้วผมไม่ค่อยใส่ใจในรายละเอียดของภาพยนต์เท่าไหร่ อีกทั้งผมเองก็ไม่ใช่นักวิจารณ์ด้วย ในใจลึก ๆ คิดแต่ว่าเขาทำหนังมาให้ดู ก็บุญจะแย่อยู่แล้ว อย่าไปอะไรกับเขามากนักเลย

เนื้อหาในหนังเล่าถึง ค.ศ. 3000 ซึ่งตอนนั้นโลกมนุษย์โดนมนุษย์ต่างดาวยึดไปแล้ว มนุษย์โลกโดนเข่นฆ่าจนเหลือเพียงชนกลุ่มน้อยกระจัดกระจาย ส่วนใหญ่ถูกจับเป็นทาสเพื่อทำเหมือนทองคำให้กับมนุษย์ต่างดาว

พระเอกของเรื่องเป็นมนุษย์และก็ถูกจับเหมือนกัน แต่ก็ด้วยความบังเอิญ ที่มีงานบางอย่างที่มนุษย์ต่างดาวเองก็ทำไม่ได้ แล้วก็อยากให้มนุษย์อย่างพระเอกทำ ก็เลยลงเอยที่มนุษย์ต่างดาวต้องทำให้พระเอกมีความรู้ขึ้นมา เพื่อจะได้ช่วยงานตนได้ ความรู้ที่ว่าก็รวมถึงการทำให้พระเอกสามารถพูด, ฟัง, อ่าน และเขียนภาษาของมนุษย์ต่างดาวได้ด้วย

จุดที่ผมสนใจในเรื่องมีอยู่ 3 จุด ซึ่งจับเป็นประเด็นมาโม้ได้ ดังนี้

จุดแรก

เป็นประโยคที่มนุษย์ต่างดาวพูดกับพระเอก เพื่อจะบอกให้พระเอกรู้ว่า ทำไมมนุษย์อย่างพระเอกถึงไม่มีทางสู้กับมนุษย์ต่างดาวอย่างมันได้

ตอนที่พวกเราบุกโลกนั้น ด้วยกองทัพและวิทยาการอันทันสมัยที่พวกแกมี สามารถต้านทานพวกเราได้เพียง 9 นาทีเท่านั้น แล้วพวกแกก็พ่ายแพ้ย่อยยับ ถูกทำลายเผ่าพันธุ์จนเหลือเพียงน้อยนิดอย่างที่เห็น

ถ้าทำได้อย่างที่โม้จริง ๆ นั่นก็แสดงว่าวิทยาการของมนุษย์ต่างดาวในหนัง คงมีความก้าวหน้ากว่ามนุษย์โลกเราน่าจะเป็นแสน ๆ ปีเลยมั้งครับเนี่ย?

ผมเคยอ่านเจอในอินเตอร์เน็ตนะ ไม่รู้ใครเขียนเอาไว้ จะเอามาอ้างอิงก็ไม่ได้ แย่จริง แต่ที่อ่านเจอบอกไว้อย่างนี้นะ บอกไว้ว่า ประเทศไทยเรานั้นล้าหลังทางวิทยาการความก้าวหน้า, กำลังการผลิต และความมั่งคั่ง เมื่อเทียบกับประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วเป็น 100 ปี (ผมว่าจำนวนปีมันยังน้อยไปอยู่นะ)

ควรดีใจมั้ยเนี่ย? สำหรับผมแล้วก็ยังโอเคอยู่นะ ถ้าอีก 100 ปีข้างหน้าคือ พ.ศ. 2650 ประเทศไทยเราสามารถมีวิทยาการความก้าวหน้า, มีกำลังการผลิต และมีความมั่งคั่ง เทียบได้กับประเทศสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2550 ในเวลานี้

ถึงตอนนั้นประเทศไทยเราคงส่งคนไปเหยียบดวงจันทร์, สร้างสถานีอวกาศโคจรรอบโลก, สร้างเรือดำน้ำแล่นไปมาในมหาสมุทร 😛 ในขณะที่ถึงตอนนั้น สหรัฐอเมริกาก็คงส่งยานอวกาศขนาดยักษ์ ไปโคจรอยู่รอบ ๆ สุริยะจักรวาลอ่ะครับ

จุดที่สอง

เป็นตอนที่มนุษย์ต่างดาวลากตัวพระเอกไปเรียนหนังสือครับ ผมชอบตอนนี้มาก เพราะการเรียนรู้ในแบบมนุษย์ต่างดาวนั้น มันง่ายจริง ๆ เลยพับผ่าสิ เพราะใช้ระบบเรียนรู้โดยการใช้เครื่องส่งพลังจิต ทำการ upload ความรู้เข้าสมองของมนุษย์โดยตรง เป็นการเรียนลัดแบบรวดเร็ว ไม่กระทบกระเทือนต่อสมอง ไม่ทำให้ระบบเคมีและระบบกระแสไฟฟ้าในสมองเสียหาย ไม่ทำให้กลายเป็นบ้าด้วย ดี ๆ 🙂

ซึ่งการทำแบบนี้ได้ต้องมีวิทยาการสูงมาก ๆ เลยมั้ง เพราะการจะทำแบบนี้ได้ก็ย่อมแสดงว่า มนุษย์ต่างดาวมีความรู้ความเข้าใจในระบบสมองของสิ่งมีชีวิตอย่างดีเลยล่ะ สงสัยมนุษย์ต่างดาวจะเรียน Brain Computer Interface มาก่อนก็เลยทำได้ 😛

Telepathic Training Machine

ผมว่ามันน่าจะดีมาก ๆ เลยนะ ถ้าหากเราสามารถยัดความรู้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์เข้าสมองของเราได้ ด้วยความรวดเร็วแบบนี้

จุดสุดท้าย

ความรู้เป็นแหล่งกำเนิดอำนาจที่สำคัญมากในระยะยาวครับ ในหนังสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มนุษย์โลกซึ่งมีความรู้ห่างชั้นกว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นแสน ๆ ปีนั้น มีชีวิตไม่ต่างจากสัตว์ในสายตามนุษย์ต่างดาวเลยครับ

[tags]Battlefield Earth,Telepathic Training Machine,ความรู้,อำนาจ,มนุษย์ต่างดาว,brain computer interface[/tags]

Related Posts

13 thoughts on “Battlefield Earth

  1. สนับสนุนการเรียนรู้แบบLoadเข้าไปในสมองเลยครับ
    จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเหมือนที่ผมเหนื่อยอยู่ตอนนี้ ล้อเล่นอ่ะครับ
    เพราะถ้าเราได้อะไรมาง่ายๆมันก็ไม่มีค่าน่ะซิครับ เหมือนeBookที่เรามี10-20เล่มได้อ่าน
    และใช้งานจริงๆ 5 เล่มผมว่าไม่ถึงน่ะ(สำหรับผม) ความรู้มีให้หยิบเยอะครับ
    แต่เราเอาไปใส่ในสมองเราไม่ไ้ด้เอง

  2. ดีกว่า “ขนมปังช่วยจำ” ของโดราเอม่อนอีก เพราะถ้าทำธุรส่วนตัวตอนเช้าก็หายไปแล้ว

    แต่ผมสงสัยอยู่อย่างนึงหนึ่งว่า มนุษย์ต่างดาว upload การประยุกต์ การใช้้งานความรู้ ไปให้ด้วยหรือปล่าวหนอ (^O^)

  3. ผมดูหนังเรื่องนี้มาแล้วครับ
    ประเทศไทยเรานั้นล้าหลังทางวิทยาการความก้าวหน้า, กำลังการผลิต และความมั่งคั่ง เมื่อเทียบกับประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วเป็น 100 ปี (ผมว่าจำนวนปีมันยังน้อยไปอยู่นะ)
    ชอบคำนี้ครับ ^^’ อันที่จริงแล้ว ผมคิดว่า มันมีค่าน้อยกว่า 100 ปีนะครับ
    อาจจะ 50 หรือ 40 อะไรทำนองนี้ แต่ความเป็นจริงอย่างแรกเราก็เสียเปรียบเค้ามากแล้ว ครับ เรื่อง ทรัพยากรมนุษย์
    ^^’
    ไอเดียคล้ายกับ martix ไหมครับ ? มันคุ้นๆ นะครับ

    พี่ไท้ครับ ผมต้องเปลี่ยนบล็อกครับ
    http://eemachine.wordpress.com/ ชั้วคราวครับ

  4. เรื่องเทียบความล้าหลังกันเป็นจำนวนปีนี่ไม่รู้ใครเป็นต้นคิด อย่างนี้เราเถียงได้ว่าเมื่อร้อยปีก่อน หรือ 40-50 ปีก่อน อเมริกายังไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้อย่างเมืองไทยปีนี้เลย มันน่าจะเทียบเป็นเปอร์เซนต์หรือการจัดลำดับอะไรพรรค์นั้น

    เรื่องการครองโลก แต่ก่อนชาติจักรวรรดิ์นิยมก็ใช้กำลังทหารในการล่าเมืองขึ้น แล้วค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นกาครอบงำทางการเมืองและเศรษฐกิจ ถึงเวลามนุษย์ต่างดาวมาครองโลกจริงๆ จะเป็นแบบใช้อาวุธไฮเทคอย่างที่เราชอบสร้างหนังจินตนาการกันหรือจะเป็นแบบจักรวรรดิ์นิยมสมัยใหม่ ก็น่าคิดเหมือนกันครับ

  5. ในอนาคตข้างหน้า อารยธรรมมนุษย์คงจะมีความรู้เยอะมากครับคุณ memtest จนระบบการศึกษาที่ปัจจุบันนี้เปิดการเรียนการสอนกันอยู่นั้น รองรับไม่ได้ ซึ่งหมายถึงการต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบของระบบการศึกษา ต่อไปกว่าเด็กรุ่นใหม่จะเรียนจบได้ อาจจะต้องเสียเวลาเรียนระดับปริญญาตรีถึง 10 ปีก็เป็นได้

    หนังมันเน้นไปทางการกอบกู้โลกอ่ะครับคุณ patr ก็เลยไม่ได้ให้รายละเอียดมากนัก ว่าจะประยุกต์ใช้ความรู้แบบไหน ยังไง

    ไอเดียเป็นอีกแบบนึงครับคุณหมี ว่าแต่บล็อกเดิมของคุณหมี ผมก็ยังเคยเข้าได้นี่นา

    หรือไม่มนุษย์ต่างดาวก็มาดูเราแบบเงียบ ๆ แล้วก็ส่ายหัวเพราะความล้าหลังมาก ๆ ของเรา แล้วก็บินจากไปครับพี่โรจน์ ประมาณเห็นเราล้าหลังแบบมดอ่ะครับ น่าจะเป็นแบบนี้ได้เหมือนกัน

  6. ปังไหนอ่ะคุณ BigNose? เจปัง อ๊ะเปล่า? ที่เป็นชื่อไทยว่า แชมเปี้ยนขนมปัง สูตรดังเขย่าโลกอ่ะ 😛

  7. อืมมม ถ้าเราโหลดความรู้เข้าหัวกันได้ง่ายๆ แบบนั้น มนุษย์ก็คงลดความขยันลงไปเยอะ ขณะเดียวกัน ความทะเยอทะยานอยาก ก็อาจจะยิ่งเพิ่มทวี

    ของมันมี 2 แง่ ที่ดีร้ายและหักล้างกันอยู่นะ ผมละเลือกไม่ถูกว่า เราควรจะพัฒนาตัวเองไปในทางนั้นดีไหม

  8. มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความโลภ ความทะเยอทะยานอย่างที่คุณ PatSonic บอกจริง ๆ ด้วยครับ คิดว่าถ้าทุกคนสามารถยัดความรู้เข้าหัวได้ แล้วก็เป็นอัจฉริยะกันทุกคน โลกก็คงวุ่นวายเหมือนกันแฮะ แต่ผมว่าถึงตอนนั้นชนชั้นปกครองอาจจะมีลักษณะพิเศษนะ นั่นก็คือมีพลังจิต สามารถอ่านใจได้ มีพลัง Mind Control อยู่กับตัว จึงสามารถควบคุมไม่ให้อัจฉริยะซึ่งมีล้นโลก ก็ความเดือดร้อน วุ่นวายได้

  9. ยังไงก็คงต้องพัฒนาคนก่อนที่พัฒนาอย่างอื่นหละครับ อ.ผมบอกว่า ไทยมีรถไฟก่อนญี่ปุ่นเสีย แล้วตอนนี้ญี่ปุ่นเป็นไงครับท่าน

  10. ทุกอย่างมันต้องค่อยเป็นค่อยไป อย่าไปเร่งมากนัก เราล้าหลังฝรั่งในด้านเทคโนฯ แต่เรายังมีคุณธรรมในจิตใจที่กำลังจางลงไปพร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เข้ามามากขึ้นพร้อมกับระบบทุนนิยม ค่อยเป็นค่อยไปเถอะครับพี่น้อง ตอนนี้ฝรั่งหลายชาติกำลังอิ่มตัวกับเทคโนโลยี เริ่มกลับมาคิดถึงวิถีและความหมายของชีวิต ความเป็นไปของมนุษยชาติ (เริ่มออกนอกแนวซะแล้วสิเรา)

  11. ผมลองคิดมุมใหม่ ผมว่าอเมริกากำลังเป็นมนุษย์ต่างดาว และชนชาติอื่นกำลังเป็นมนุษย์ธรรมดานะครับ อเมริกาสามารถที่จะยึดประเทศไหนก็ได้ในโลกนี้ แต่ยังขาดความชอบธรรมเท่านั้น เลยทำให้สิ่งที่ผิดกลายเป็นถูกได้ (เช่น อิรัค)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *