ผมได้มีโอกาสไปหอสมุดมาหลายสถาบันการศึกษาครับ พบว่าสถาบันเหล่านั้นมักนำงานนิพนธ์ออกมาช้ากว่าที่ควร เช่นว่านักศึกษาทำงานนิพนธ์ปี 2549 กว่าจะเอาออกมาวางไว้ในหอสมุดกลาง ก็ปาเข้าไปอีกตั้งสองสามปีแล้ว ไม่รู้เป็นเพราะอะไรเหมือนกัน ทำไมถึงดองเอาไว้นานอย่างนี้ ทำให้หัวข้องานนิพนธ์ดังกล่าวกลายเป็นสิ่งล้าสมัยไปครับ!!! ผมเองเมื่อปี 2540 ก็ต้องส่งปริญญานิพนธ์ถึง 3 เล่มครับ โดยเล่มแรกเพื่อไว้ในหอสมุดภาคฯ, เล่มสองเพื่อไว้ในหอสมุดกลางของสถาบัน และเล่มสุดท้ายเพื่อส่งไปหอสมุดแห่งชาติ แล้วมันก็ถูกดองเอาไว้ครับ ผมติดตามมาหลายปี กว่ามันจะออกมาตั้งในหอสมุดต่าง ๆ ได้ ก็ปาเข้าไป 5 ปีครับ
Author: ไท้ ปริญญา
เล่มนี้ซื้อมาเมื่อปี พ.ศ. 2537 ครับ ช่วงนั้นถือได้ว่าเป็นยุคสุดท้ายของ MS-DOS รุ่น 6.00 แล้ว ไม่รู้คนยุคนี้จะรู้จักหรือเปล่าครับ เจ้า MS-DOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติแบบ Text Mode น่ะ? ผมซื้อมาเพราะมันเป็นหนังสือแปล แล้วก็แปลได้ดีทีเดียวล่ะ เพราะปรกติสมัยนั้นผู้แปลมักแปลได้ไม่ดีซักเท่าไหร่ หนังสือเน้นเรื่องการ Interupt CPU มาก ๆ คือสมัยนั้นเนี่ย
วันนี้ผมนั่งทำงานอยู่ดี ๆ ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้นมา ผมก็ตกใจรีบรับสาย ตอนที่จะรับก็เห็นแว่บนึงว่าเบอร์ที่โทรมาเป็นเบอร์ *1003 แต่มือมันไวกดรับไปแล้ว แถมยังแนบฟังที่หูเรียบร้อยแล้ว ก็เลยต้องฟังไป มันเป็นระบบอัตโนมัติที่โทรมาจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือครับ เสียงเจื้อยแจ้วทีเดียว ก็พูดเป็นฉาก ๆ เลยว่ามีโปรโมชันใหม่มาแนะนำ พร้อมทั้งชี้แนะว่าต้องกดโน่นกดนี่ เพื่อให้ได้มาซึ่งโปรโมชันใหม่ (และผมก็ต้องเสียตังค์ด้วย) ทีนี้หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าเจ้ากลไกดังกล่าวเรียกว่าอะไร มันเรียกว่า Interactive Voice Response หรือ
สำหรับผมแล้วหนังสือเล่มนี้ถือว่าเป็นสุดยอดที่สุดที่ผมมีเลยล่ะ ผมซื้อหนังสือเล่มนี้มาเมื่อปี พ.ศ. 2537 ตอนนั้นมีเพื่อนคนนึงเล่าให้ฟังว่า ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร มีอาจารย์ท่านนึงแต่งหนังสือออกมา ซึ่งก็คือหนังสือเล่มนี้นั่นแหล่ะ เพื่อนไม่ได้โม้อย่างเดียว แต่เอาหนังสือมาให้ดูด้วย ตอนนั้นผมตาโตเท่าไข่ห่าน ตื่นเต้นยินดีอยากจะได้มาก ๆ หนังสือหนามาก แถมอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาภาษาซีชั้นสูง (ในขณะนั้น) ผมสนใจบางบทเป็นพิเศษ เช่น การอธิบายถึงโครงสร้างข้อมูล, พอยน์เตอร์, การจัดการหน่วยความจำ และการจัดการกับ Video RAM ซึ่งตอนนั้นถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงเลยก็ว่าได้
ปรกติแล้วถ้าผมมีปัญหา ผมมักจะแก้ด้วยวิธีของตัวเอง ซึ่งบางครั้งก็ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องครับ อย่างการใส่ plugins ให้ blog ก็เหมือนกัน ตอนแรกผมคิดว่าผมจะใช้ macromedia dreamweaver เป็น editor เพื่อเขียน plugins เองทั้งหมดครับ เพราะผมก็อยากให้ blog ผมนับคนออนไลน์ได้, นับคนกดคลิ๊กได้, ทำโพลได้ มีปฏิทินด้วย ฯลฯ ผมก็เลยนั่งแกะโค้ดของ wordpress
คนยุคนี้ไม่น่าจะรู้จักกันแล้วนะ มันเป็นโปรแกรมจัดการฐานข้อมูลที่นิยมมากเลยล่ะเมื่อตอนปี พ.ศ. 2534 เล่มนี้ผมไม่ได้ซื้อโดยตรงหรอกครับ แต่ได้มาเพราะไปลงเรียนที่สยามคอมพิวเตอร์ สาขาวงเวียนใหญ่ dBASE III Plus ถือเป็นพื้นฐานของไฟล์นามสกุล DBF ที่ทุกวันนี้ก็น่าจะยังมีอยู่ หลังจาก dBASE III Plus ก็มี Foxbase ครับ แล้วค่อยตามด้วย Foxpro ปัจจุบันผมก็ยังเห็น Visual Foxpro
ผมไม่รู้ว่าเด็กยุคนี้จะได้ลงเรียนวิชาคอมไพเลอร์หรือเปล่า แต่ยุคผมน่ะไม่ได้เรียนหรอก ถ้าอยากจะรู้ก็ต้องหาเรียนเอาเองตามสไตล์นักศึกษาที่ต้องหาความรู้ด้วยตัวเอง หนังสือเล่มนี้น่าจะถือว่าเป็นหนังสือเล่มเดียวในเมืองไทยเลยก็ว่าได้ ที่สอนเรื่องการเขียนคอมไพเลอร์ หรือที่เรียกว่าตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ที่มีไวยากรณ์ที่มนุษย์อย่างเราพอจะเข้าใจ ไปเป็นภาษาเครื่องที่คอมพิวเตอร์รู้จัก ผมซื้อมาเมื่อปี พ.ศ. 2534 ครับ ตอนนั้นเขียนภาษา BASIC เป็นแล้ว แต่อดสงสัยไม่ได้ว่าไฟล์นามสกุล EXE ทั้งหลายเนี่ย มันทำมาได้ยังไง เลยซื้อเล่มนี้มาอ่าน พออ่านแล้วงงรับประทานไปเลย ไม่เข้าใจ โยนไว้ในตู้ กว่าจะกลับมาอ่านแล้วเข้าใจ ก็เหลืออีกปีนึงจะจบปริญญาตรีนั่นแหล่ะครับ สงสัยผ่านโลกมาเยอะ
จริง ๆ แล้วศัพท์ Lobbyist จะใช้ในกรณีที่เป็นการวิ่งเต้นประสานงานเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง แต่ยังไงวันนี้ผมก็ขอใช้หน่อยแล้วกันครับ ช่วงนี้องค์กรที่ผมงานยุ่งมาก ๆ เลย เพราะเรากำลังจะขึ้นโครงการอย่างน้อย 3 โครงการ คือ โครงการระบบ Front Office เต็มรูปแบบเพื่อรองรับลูกค้า 8,000 คนต่อวัน, โครงการระบบ Data Warehouse เพื่อมาทำรายงาน 4 มิติให้กับผู้บริหาร
ผมรู้สึกยินดีมากเลยครับ ที่ปัจจุบันประเทศไทยเรามีการเปิดสาขาที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มากขึ้น เพราะเมื่อสมัยก่อนนั้น สาขาทางคอมพิวเตอร์ก็มีเพียง วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ และวิทยาการคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ปัจจุบันมีมากมายขึ้น ทั้งระบบสารสนเทศ, เทคโนโลยีสารสนเทศ, คอมพิวเตอร์ธุรกิจ, ระบบจัดการสารสนเทศเพื่อการบริหาร, กราฟิกและมัลติมิเดีย ฯลฯ การที่มีสาขามากขึ้นแบบนี้ ก็มีความหมายถึงการที่ไทยเราผลิตบัณฑิตทางด้านนี้ได้มากขึ้น ซึ่งผมก็หวังนั่นแหล่ะ ว่าคุณภาพจะมากขึ้นไปด้วย เพราะจบมาแล้วถ้ามาเข้าองค์กรที่ผมทำงานอยู่ ผมก็จะได้เลือกมาทำงานในทีมผมได้โดยผมไม่ต้องลังเลใจอะไร 🙂 ขอแจ้งให้ทราบอย่างนึงครับ ซึ่งสำคัญมาก นั่นก็คือ การออกมาทำงานในภายนอก สถาบันการศึกษาที่จบมา
ส่วนใหญ่คนที่ลงหน่วยกิตทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ล้วนต้องเรียนวิชานี้ครับ วิชาการอินเตอร์เฟส แต่ในที่นี้ไม่ใช่การอินเตอร์เฟสซอฟต์แวร์นะ เป็นการอินเตอร์เฟสคอมพิวเตอร์เข้ากับฮาร์ดแวร์มากกว่า ผมซื้อหนังสือเล่มนี้มาเพราะผมอ่อนอิเลกทรอนิกส์มาก ๆ ซึ่งถ้าเป็นเรื่อง Clock กับ Micro Instruction เนี่ย ผมรู้เรื่อง เพราะนั่นเป็นการใช้สัญญาณไฟฟ้าเพื่อกำหนดคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน แต่ถ้าเป็นการออกแบบวงจรเพื่อทำเป็นการ์ดมาเสียบไว้บนคอมพิวเตอร์ หรือออกแบบวงจรเพื่อต่อกับ RS-232 ล่ะก็ ผมกลายเป็นไอ้โง่ไปเลย เลยซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านครับ อ่านแล้วยิ่งงงหนักใหญ่เลย เพราะพื้นฐานทางอิเลกทรอนิกส์ไม่ค่อยมี แต่คิดว่าถ้าคนเรียนทางอิเลกทรอนิกส์มา อ่านแล้วน่าจะเข้าใจ หนังสือเล่มนี้ผมซื้อมาเมื่อตอนเข้าเรียนปริญญาตรีครับ