ครั้งแรกที่ผมได้ยินชื่อ “ชวเลข” ผมเข้าใจว่ามันเป็นวิชานึงในแขนงคณิตศาสตร์ครับ เพราะเห็นว่ามันมีคำว่าเลขบรรจุอยู่ในชื่อวิชา แต่ภายหลังจากที่ต้องลงทะเบียนเรียนวิชานี้ ผมถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่คณิตศาสตร์ว่ะ (3 หน่วยกิตแน่ะวิชานี้) ชวเลขเป็นวิชาหายากซึ่งไม่ค่อยเหมาะกับยุคสมัยนี้ซักเท่าไหร่ มันถูกบรรจุอยู่ในหลักสูตรของสถาบันการศึกษาที่เปิดสอนทางพาณิชยกรรม และเป็นวิชาเลือกในคณะนิเทศศาสตร์หรือวารสารศาสตร์ ที่บอกว่ามันไม่เหมาะกับยุคสมัยนี้ก็เพราะว่า ชวเลขเป็นวิชาที่ออกแบบมาสำหรับจดเร็ว ๆ ครับ เพราะสมัยก่อนไม่มีเครื่องบันทึกเสียงแบบ mp3 ดังนั้นวิชานี้จึงเป็นวิชาเขียนสัญลักษณ์ ต้องอาศัยทักษะในการปฏิบัติพอสมควร เหมือนกับการฝึกหัดพิมพ์ดีดบนแป้นพิมพ์ยังไงอย่างนั้นเลย ออกตัวไว้ก่อนเลยว่าผมเคยเรียนมาก็จริง แต่ก็คืนวิชาให้อาจารย์ไปแล้วเหมือนกัน เพราะไม่เคยเอามาใช้จริงเลย แต่ก็พอจะอธิบายได้จากความทรงจำว่ามันมีกฎง่าย ๆ
Author: ไท้ ปริญญา
หลังจากทุ่มงบประมาณไปกว่า 20 ล้านบาท รวมกับการทุ่มเทแรงงานไปอีกเป็นเวลากว่าปีครึ่ง ในที่สุดองค์กรที่ผมทำงานอยู่ก็มีระบบ Datawarehouse กับเค้าซะที ออกตัวไว้ก่อนเลยว่าโครงการนี้ผมไม่เกี่ยว เพราะผมไม่ได้เป็นระดับจัดการของโครงการนี้ แต่บังเอิญว่าการเป็นระดับจัดการในกรอบงานอื่นของผม มีความจำเป็นที่จะต้องไปรู้ไปเห็นรายละเอียดของโครงการนี้ด้วย จึงสามารถเอาเรื่องของระบบนี้มาโม้ให้อ่านเป็นคุ้งเป็นแควได้ในระดับหนึ่ง สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นนั้นเป็นจริง เพราะถึงแม้เราจะเคยร่ำเรียนทฤษฎีทางด้าน Datawarehouse กันมาแล้วโดยการท่องจำศัพท์แสงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตั้งมากมาย เพื่อเอามาตอบคำถามเวลามีใครมาถามเรา หรือเอาไว้ให้เราอ้างอิงหากมีสิ่งที่ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว แต่มันก็ไม่เท่ากับเราได้เห็นผลลัพท์ของมันด้วยการปฏิบัติจริง ก่อนที่จะโม้เรื่อง Datawarehouse นั้น เราคงต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมต้องมีระบบดังกล่าว
มนุษย์เรามักจะมีความภูมิใจในตัวเองครับ ยิ่งถ้าคิดในสิ่งที่ใคร ๆ ก็คิดไม่ได้, รู้ในสิ่งที่มีเพียงตนเองเท่านั้นที่รู้ หรือทำอะไรที่คนอื่นทำไม่ได้หรือมีน้อยคนนักที่ทำได้ ก็จะยิ่งภูมิใจเข้าไปใหญ่ อันนี้น่าจะเป็นความจริงทางธรรมชาติ การที่เรามีความรู้ทางคอมพิวเตอร์ หรือมีทักษะในการปฏิบัติการทางคอมพิวเตอร์ ก็จะทำให้เรามีความภาคภูมิใจใช่มั้ยครับ? ทุกวันนี้เรายังไม่มีแบบทดสอบวัดความรู้ทางคอมพิวเตอร์กลาง ๆ นะ ที่จะวัดได้ว่าเรานั้นมีความรู้ทางคอมพิวเตอร์แค่ไหนกันแน่ เหมือนกับที่เดี๋ยวนี้มีบริการทางเว็บตั้งมากมาย ที่ให้เราเข้าไปตอบแบบสอบถามเพื่อวัดไอคิวของเราได้ ความภาคภูมิใจในความรู้ทางคอมพิวเตอร์ ถ้าเอาไปใช้ในทางที่ผิดก็จะไม่ดี ผมขอยกตัวอย่างจากสิ่งที่ตัวเองพบก็แล้วกันนะ มันไม่มีอะไรที่แน่นอนเพราะเป็นความเห็นส่วนตัว คือผมมักจะพบกับเกรียนทางคอมพิวเตอร์มากมาย พวกเขาแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่
เพื่อนผมบอกกับผมว่าที่ฟอร์จูนรัชดามีภาพยนต์เก่า, ละครเก่าและซีรี่ย์เก่า ๆ วางขายอยู่มากมายครับ และที่สำคัญถูกบรรจุเอาไว้ในรูปของ DVD ซะด้วย ซึ่งผมฟังแล้วก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก เพราะผมอยากจะได้ของเก่า ๆ พวกนี้มาสะสมเอาไว้ เนื่องจากว่าที่ผ่านมาไม่เคยได้ดูหรือดูแล้วไม่ปะติดปะต่อเลย ก็เลยคิดว่าซื้อมาค่อย ๆ ดูดีกว่าจะได้เก็บรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน มีซีรี่ย์ฝรั่งเก่า ๆ หลายเรื่องครับที่ผมอยากได้ ซึ่งมีอยู่เรื่องนึงที่ตอนนี้ก็ยังอยากได้อยู่นั่นก็คือ StarGate SG1 ซึ่งเป็นซีรี่ย์ฝรั่งที่ถูกนำมาฉายที่ช่องสามเมื่อสิบกว่าปีก่อน ผมชอบเรื่องนี้มากแต่บังเอิญว่าไม่ค่อยได้ดูปะติดปะต่อเท่าไหร่ ด้วยเหตุเพราะอำนาจในการกำหนดช่องดูทีวีไม่ได้อยู่ในมือผม (ผมเป็นลูกคนโตก็จริง
ถ้าเราเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แล้วเราเขียนผิดไวยากรณ์ ตัวแปลภาษาก็จะฟ้องว่าเราเขียนผิดไวยากรณ์ อันนี้เรียกว่า Syntax Error ส่วนใหญ่แล้วเมื่อเกิดความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นมา จึงไม่ใช่ธุระอะไรของมนุษย์เราที่จะต้องตรวจสอบ เพราะหน้าที่ตรวจสอบไวยากรณ์เป็นหน้าที่ของตัวแปลภาษานั้น ๆ มนุษย์มีหน้าที่เพียงแก้ไขให้ถูกต้องเท่านั้นหากคอมพิวเตอร์มันเจื้อยแจ้วบอกเราแล้วว่าเราเขียนผิด แต่ตัวแปลภาษาเหล่านั้นก็ไม่เคยมาแนะนำเราว่าเราเขียนโปรแกรมยังงดงามไม่พอ เราเขียนแล้วอัลกอริทึมยังเจ๋งไม่พอ หรือเราเขียนแล้วเยิ่นเย้อจริง ๆ ควรเขียนให้กระชับได้มากกว่านี้ … คอมพิวเตอร์มันจะไม่่บอกเรา มันจะเฉย ๆ ประมาณว่าเรื่องของมรึง แค่เขียนให้ถูกไวยากรณ์กรูก็พอ!!! ถ้าโปรแกรมที่เราเขียน ได้ถูกตรวจสอบโดยตัวแปลภาษาแล้ว ว่าผ่านไวยากรณ์ทุกกระบวนความ
เครื่อง Notebook ของผมโดนอาวุธอิเลกทรอนิกส์กึ่งชีวภาพเล่นงานครับ ตอนนี้ไม่รู้ว่ามันเป็นไวรัสหรือโทรจันหรือวอร์มเวิร์มหรืออะไรกันแน่ เพราะมันบอกแค่ว่ามันคือ a.bat แล้วก็บอกว่าตัวเองคือ Trojan Horse เท่านั้นเอง (ดูจาก history log ของ Symantec Anti Virus) ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอ้เจ้าตัวนี้หรือเปล่า แต่สิ่งที่ทำให้เกิดกับเครื่องของผมก็คือ มันทำให้ผมเปิดโปรแกรมใน control panel ไม่ได้เลย เอาแต่บอกผมว่าหา rundll32.exe
เราต้องมานิยามกันก่อนว่าการ crack ซอฟต์แวร์นั้นคืออะไร ถ้าเป็นนิยามของ wikipedia ก็หมายถึง การเปลี่ยนแปลงซอฟต์แวร์เพื่อถอดถอนการป้องกันทางลิขสิทธิ์ หรือเพื่อถอดสภาวะสาธิต หรือเพื่อถอดเอาตัวเลขสำคัญ ๆ ซึ่งไว้บ่งบอกตัวผลิตภัณฑ์ออกมา นิยามมันแคบนะแต่ก็เอาเหอะอย่าไปสนใจมันเลย เพราะศิลปะการ crack ซอฟต์แวร์ที่ผมจะโม้นั้น มันเป็นอีกสภาวะนึง โดยนิยามการ crack ซึ่งบัญญัติโดย taipedia นั้น หมายถึง การเปลี่ยนแปลงการทำงานของซอฟต์แวร์ โดยการแอบเข้าไปแก้ไขชุดคำสั่งของซอฟต์แวร์ดังกล่าว หรือแอบเข้าไปแก้ไขชุดข้อมูลซึ่งต้องใช้โดยซอฟต์แวร์ดังกล่าว
เมื่อราว ๆ ปี พ.ศ. 2538 เพื่อนผมได้แนะนำให้ผมได้รู้จักกับเว็บไซต์เว็บนึงครับ เป็นเว็บไซต์ของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ผมเห็นแล้วตื่นเต้นมาก เพราะสิ่งที่ได้เห็นมันเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ สิ่งนั้นก็คือเว็บไซต์ดังกล่าวจะแสดงภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งถ่ายภาพบริเวณลานอนุเสาวรีย์ของสถาบันดังกล่าวให้เราดู โดยจะปรับปรุงภาพให้เราดูทุก ๆ 5 วินาที ซึ่งสำหรับสมัยนั้นแล้วถือได้ว่าปรับปรุงรวดเร็วมาก ๆ ในปัจจุบันนี้กล้องวงจรปิดได้รับความนิยมมากเลยครับ แล้วก็มีทีท่าว่าจะราคาถูกลงเรื่อย ๆ จากที่สมัยก่อนเป็นระบบอนาล็อก ต้องบันทึกภาพเก็บไว้ในเทปแม่เหล็ก ก็กลายเป็นระบบดิจิตอลที่สามารถจะต่อเชื่อมกับระบบคอมพิวเตอร์ แล้วบันทึกลงสื่อดิจิตอลในรูปแบบต่าง ๆ ได้
วันนี้ผมและทีมงานได้ไปเยี่ยมชมและฟังบรรยาย ณ สำนักคอมพิวเตอร์ของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งครับ สถาบันการศึกษาแห่งนี้ค่อนข้างพิเศษมาก เพราะเป็นสถาบันการศึกษาแห่งเดียวของประเทศไทย ที่มีคณะแพทย์ศาสตร์ถึง 3 คณะ ซึ่งไม่เคยมีมหาวิทยาลัยใดในประเทศไทย เคยมีคณะแพทย์ศาสตร์ในสังกัดเยอะขนาดนี้มาก่อน … นั่นย่อมแสดงว่าสถาบันการศึกษาดังกล่าว เน้นความเป็นเลิศในทางการแพทย์เป็นอย่างมาก ผู้อำนวยการของสำนักคอมพิวเตอร์ดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นผู้ทรงภูมิปัญญาทางคอมพิวเตอร์เป็นอันมากครับ ท่านได้เล่าหลาย ๆ เรื่องให้ฟัง ซึ่งมีทั้งเรื่องในระดับนโยบาย, ระดับจัดการ, ระดับกระบวนการ และระดับปฏิบัติการ มีอยู่จุดนึงซึ่งท่านเล่าให้ฟังแล้วผมฉุกคิดขึ้นมา คือท่านเล่าว่าหากสนใจที่จะประมวลผลในระดับใหญ่ ก็สามารถจะประสานความร่วมมือกันได้
อยู่ดี ๆ คอมพิวเตอร์มันคงจะทำงานเองไม่ได้หรอกเน้อะ ถ้าไม่มีผู้เชี่ยวชาญไปสั่งให้มันทำงาน แล้วการจะสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานก็ยังไม่ทันสมัยพอที่จะใช้วิธีอื่นได้ นอกจากการบัญญัติภาษาคอมพิวเตอร์ขึ้นมา เพื่อทำความตกลงระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ ว่าจะสื่อสารกันด้วยรูปแบบไหนถึงจะเข้าอกเข้าใจกันได้ คิดว่าคงมีคนหลายชาติเพียรพยายามที่จะสร้างภาษาคอมพิวเตอร์ด้วยภาษาท้องถิ่นขึ้นมา แม้กระทั่งเมืองไทยก็มีนะ ผมจำได้ว่าอาจารย์อาจหาญ สัตยารักษ์ก็เคยสร้างภาษาคอมพิวเตอร์ที่มีไวยากรณ์เป็นภาษาไทยขึ้นมา ซึ่งก็ได้รับความนิยมอยู่ในวงจำกัดพักนึงแหล่ะ แล้วสุดท้ายก็สูญพันธ์ไป มันก็เลยกลายเป็นสากลนัย ๆ ว่า ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุดต้องเป็นภาษาอังกฤษ!!! ผู้คนที่ต้องมนต์เสน่ห์ของภาษาคอมพิวเตอร์ก็มักจะอยู่ในวงจำกัด ส่วนใหญ่ก็เป็น geek คอมพิวเตอร์ทั้งหลายที่ฝักใฝ่ในการสร้างซอฟต์แวร์ คนภายนอกไม่ได้มาเข้าใจความรู้สึกหรอก ว่าการใช้ภาษาคอมพิวเตอร์แบบโครงสร้าง หรือการใช้ภาษาคอมพิวเตอร์แบบเชิงวัตถุ