ช่วงที่ผมใกล้จะเรียนจบนั้น รุ่นน้องมักจะแวะเวียนมาชักชวนผมพูดคุยบ่อยมาก ซึ่งคำถามประจำที่น้อง ๆ มักจะถามผมก็คือ … “พี่ไท้ ช่วยคิดหน่อยดิ ว่าจะทำโปรเจคจบอะไรดี?” ถามคำถามแบบนี้กันบ่อยมากเลยตอนนั้น ก็อย่างว่าอ่ะครับ การจะจบวิทยาการคอมพิวเตอร์ได้ เราก็ต้องฝ่าด่านสุดท้ายให้ได้ซะก่อน ต่อให้ได้เกรดจนกระทั่งมีสิทธิ์ได้เกียรตินิยมก็เท่านั้นแหล่ะ ถ้าหากว่าทำโปรเจคผ่านไม่ได้ก็จบเห่กัน ที่น้อง ๆ มักจะมาถามผม ส่วนหนึ่งก็เพราะผมสามารถคิดหัวข้อโปรเจคให้มันสอดคล้องกับฐานะ, ศักดิ์ และสิทธิ์ของคนระดับวิทยการคอมพิวเตอร์ได้น่ะครับ แบบว่าไม่ง่ายไป และไม่ยากไป ปรกติแล้วการเสนอหัวข้อโปรเจคเพื่อจบการศึกษา เป็นธุระของนักศึกษาอยู่แล้วที่จะต้องไปคิดหัวข้อของตัวเองมา
Author: ไท้ ปริญญา
พอดีผมแวะไปเยี่ยมเยียนบล็อกเกอร์ตามบล็อกต่าง ๆ ตามปรกติครับ เห็นใคร ๆ เขาก็เล่น Blog Tag ยิงใส่กัน ผมก็นึกว่าล้อเล่นกัน คงไม่มีใครจริงจังที่จะเล่นต่อกันไป แบบว่าเดี๋ยวก็เลิกกันไปเอง แต่สุดท้ายผมโดนยิงใส่จนได้ แถมโดนไป 3 นัดด้วย จากคุณโยคี, ท่านแชมป์ และก็คุณโบว์ อีกทั้งผมเห็นจากภาพการระบาดของ Blog Tag ก็พบว่าผมเป็นสายพันธุ์ในรุ่นที่ 3 แล้ว
เดี๋ยวนี้การใช้งานอินเตอร์เน็ตก้าวหน้าขึ้นมากเลยครับ กลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นด้วย ผมเองไม่เคยค้นหาสถิติเหมือนกัน ว่าในแต่ล่ะวันมีข้อมูลวิ่งผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตในโลกนี้เป็นจำนวนเท่าไหร่ไบต์ แต่คิดว่าคงมากอักโขพอดู อินเตอร์เน็ตนำมาซึ่งการส่งบริการซอฟต์แวร์ตามหลักการของ Software as a Service ครับ จะเห็นว่าเดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็สามารถทำธุรกรรมผ่านอินเตอร์เน็ตได้หลาย ๆ อย่าง ผมเองก็ใช้บริการอินเตอร์เน็ตหลาย ๆ อย่างเหมือนกันอาทิเช่น ใช้ซื้อขายหุ้น ใช้โอนเงินในธนาคาร ใช้ซื้อตั๋วหนัง ใช้ซื้อตั๋วเครื่องบิน
ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้ตามทฤษฎีทางซอฟต์แวร์, ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป และเครื่องมือในการพัฒนาซอฟต์แวร์เลยครับ พูดง่าย ๆ ก็คือไม่ได้ลงไปในเชิงลึกเลย อิจฉาเด็กใหม่เน้อะ ไฟแรงดีจัง ขยันด้วย เก่งจัง คนเหล่านี้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ดีครับ ไม่เสียเวลาไปกับการเล่น Video Chat ผมน่ะ เคยลองเข้าไปแล้ว มันได้ความบันเทิงดีนะ แต่เผลอแว่บเดียว เวลาก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ได้แต่ความบันเทิงอย่างเดียวเอง แย่จัง ตอนนี้ผมเลยใช้เวลาหลังเลิกงานประจำ ไปกับเรื่องสองเรื่องเท่านั้น คือการอัพบล็อกนี้ กับการวิเคราะห์หุ้นครับ
นักพัฒนาซอฟต์แวร์ก็มีหลายระดับเหมือนกันนะครับ ผมว่านะ ทุกคนมัวแต่เรียนหนังสือหรือทำงานหรือเอาแต่ให้ความสนใจกับวิชาความรู้ทางคอมพิวเตอร์กัน เลยไม่ค่อยได้สังเกตุที่จะจัดระดับของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ซักเท่าไหร่ ผมเลยว่าวันนี้จะจัดให้ดู > จากภาพนะ จะเห็นว่าผมจัดระดับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ออกเป็น 5 ระดับ โดยการแทนด้วยศักดินาของเจ้าและขุนนางของพวกยุโรป โดยผมแบ่งเป็นดังนี้ Emperor คนเหล่านี้เป็นคนกลุ่มเล็กที่สุดของสังคมนักพัฒนาซอฟต์แวร์ครับ พวกเขามีบทบาทในการชี้นำทิศทางการพัฒนาซอฟต์แวร์ พวกเขาไม่ใช่นายทุนนะอย่าเข้าใจผิด จริง ๆ แล้วพวกเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ หรือวิศวกรคอมพิวเตอร์ ที่เป็นผู้คิดค้นทฤษฎีทางซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ออกมา ตัวอย่างของสิ่งที่คนพวกนี้คิดค้นก็ได้แก่ ไวยากรณ์ของภาษาคอมพิวเตอร์ต่าง
ตามตำนานของจีนและญี่ปุ่น มักมีการพูดถึงจิ้งจอกเก้าหางครับ ลักษณะของเรื่องเล่าจะคล้ายคลึงกันมาก นั่นคือจิ้งจอกเก้าหางเป็นสัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนจิ้งจอก มีเก้าหาง และทรงพลานุภาพมาก เรื่องเล่าจะคล้าย ๆ กันไม่ว่าจะเป็นนิยายปรำปราของจีนกับของญี่ปุ่นก็คือ เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะกำเนิดที่อินเดีย พออาละวาดแล้วโดนไล่ตะเพิดออกจากอินเดีย ก็จะมาอาละวาดที่จีนต่อ แล้วจึงโดนไล่ให้ไปอาละวาดที่ญี่ปุ่นต่ออีกทีนึง แปลกจริง ทำไมนิยายที่เล่ากันคนล่ะที่ มันถึงคล้าย ๆ กันจัง!!! ปัจจุบันนี้ในโลกของเรามีบริษัทซอฟต์แวร์ที่ยิ่งใหญ่มากบริษัทหนึ่ง ไม่ขอเอ่ยชื่อแล้วกันนะเพราะรู้ ๆ กันอยู่ ถ้าเราไปค้นข้อมูลบริษัทนี้ใน Wikipedia เราก็จะพบว่ามีคนเข้ามาบันทึกรายละเอียดของบริษัทนี้ยาวมาก
วันนี้ช่างเป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ที่แสนจะเซ็งอะไรเช่นนี้ จะไปห้างสรรพสินค้าก็ไม่กล้า เพราะเล่นระเบิดตูมตามในกรุงเทพฯแบบนี้ ใจกล้าแค่ไหนก็คงต้องกลัวบ้าง ผมเองก็กลัว ผมเป็นพวกกลัวอะไรที่คนอื่นเขาไม่กลัวกัน อย่างระเบิดเงี้ย ผมกลัว เอ๊ะ หรือใครไม่กลัว? ผมก็เลยขี่จักรยานไปเช่าวีซีดีหน้าหมู่บ้าน แล้วก็เลยเข้าไปในร้าน 7-Eleven เพื่อจะซื้อขนมกินตามประสา แล้วก็พอดีเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มนี้ครับ ชื่อหนังสือว่า “สารานุกรมของวิเศษในกระเป๋าโดเรมอน” แบบว่าเห็นปุ๊ปก็ซื้อปั๊ปทันทีเลย เล่มล่ะ 135 บาท พอใช้ได้ (เดี๋ยวนี้ 7-Eleven แปลก
ผมเคยอ่านหนังสือการ์ตูนเล่มนึงครับ หนังสือการ์ตูนเล่มดังกล่าวชื่อว่า “นินจานารูโตะ” เป็นเรื่องราวของนินจาในหมู่บ้านนินจา แนวของหนังสือเป็นแนวต่อสู้, ใช้คาถา และมีเรื่องของปีศาจในนิยายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ผมชอบอยู่จุดหนึ่งครับ เรื่องของการใช้คาถานินจา โดยในเรื่องบอกว่ามนุษย์เรามีพลังกายอยู่สองแบบ คือ กำลังภายนอก กับ จักระ โดยต้นกำเนิดของพลังก็อยู่ภายในร่างกายเรานั่นแหล่ะ เพียงแต่จะรีดเร้นออกมายังไงก็เท่านั้นเอง จักระเป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากอินเดียครับ เป็นคำในภาษาสันสกฤต มีความหมายว่า “กำลังภายใน”!!! เรื่องนินจามันเลยไปสอดคล้องกับวรยุทธ์ของจอมยุทธ์จีน ในเรื่องที่ว่ามนุษย์เรานั้น ถ้าเป็นการส่งแรงหรือกำลังออกจากร่างกายแล้ว สามารถส่งออกได้สองแบบ โดยผ่าน
ตอนนี้ผมได้ข้อมูลเงินเดือนของคนในทีมที่ผมดูแลจาก HR มาแล้วครับ ผมดูแลทางตรงอยู่ราว 6 คนและดูแลทางอ้อมอยู่ 7 คน ก็เลยต้องมาประเมิณกันอีกแล้ว ผมไม่ได้มีอำนาจที่จะขึ้นเงินเดือนให้ใครหรอกครับ เพราะผมไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจลงนาม, ไม่ได้เป็นระดับนโยบาย และไม่ได้เป็นเจ้าของเงิน สิ่งที่ผมทำได้คือการส่งเรื่องขอขึ้นเงินเดือนให้กับคนในทีม ขึ้นไปให้ข้างบนพิจารณา เพราะระดับนโยบายไม่รู้ว่าระดับปฏิบัติการคนใดบ้างที่สร้างผลงาน, มีศักยภาพ, ขยัน, อดทน และมีมารยาทดี การให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และนักวิเคราะห์ระบบเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะมันหมายถึงการจูงใจให้พวกเขาทำงานอย่างเต็มที่, มีวินัย, แบ่งเวลา, ทุ่มเท
ใกล้จะปีใหม่แล้ว มาเล่าอะไรที่มันสบาย ๆ ดีกว่า วันนี้เอาเรื่องความก้าวหน้าของแขนงวิชาการประมวลผลภาษาธรรมชาติ หรือ Natural Language Processing หรือ NLP ของไทยกันดีกว่าเน้อะ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอกนะที่หวัง ผมว่าใคร ๆ หลาย ๆ คนก็หวังเหมือนกัน หวังว่าซักวันนึงคอมพิวเตอร์มันจะสามารถคุยกับเราได้ คือยังไม่ต้องฟังหรือพูดกับเราได้หรอกนะ แค่เราพิมพ์ข้อความเพื่อคุยกับมัน แล้วมันสามารถพิมพ์ข้อความตอบโต้กับเราได้ ก็ถือว่าโอเคแล้ว การจะให้คอมพิวเตอร์เข้าใจประโยคข้อความภาษาไทยของเราได้ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องตัดประโยคภาษาไทยออกเป็นคำ