ในหนังสือ “ความมั่งคั่งปฏิวัติ” บอกเราว่า “ธุรกิจ” เป็นสิ่งที่ปรับตัวเร็วที่สุดในทุกบริบทของสังคม … งั้น … ถ้า “ธุรกิจ” เป็นสิ่งที่ต้องปรับตัวให้ทันสมัยที่สุด เราก็ต้องมาตรวจสอบดูว่า แล้วตกลงธุรกิจอะไรกันล่ะ ที่จำเป็นจะต้องวิ่งให้เร็วที่สุด … วิ่งให้เร็วกว่าทุกธุรกิจที่มีบนโลกใบนี้!!! ในวิชาทางเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเป็นวิชาที่ใช้อธิบายพฤติกรรมการ กิน ขี้ ปี้ นอน ของมนุษย์เรา ได้กล่าวไว้ว่า …
Category: Business Model
โม้เกี่ยวกับโมเดลธุรกิจที่อิงแอบกับระบบคอมพิวเตอร์
ฝรั่งบอกเอาไว้ว่า ทุกวันนี้เราสามารถทำธุรกิจเพื่อหาเงินจากอินเทอร์เน็ตได้ 3 วิธี เรียกเป็นศัพท์ทางเทคนิคว่า 3C คือ Commerce, Content และ Connection Commerce ก็หากินโดยการค้าขาย, Content ก็หากินโดยการให้บริการเนื้อหา และ Connection ก็หากินโดยการให้บริการเชื่อมบุคคลเข้าไว้ด้วยกัน มันน่าจะมีมากกว่า 3C นะ เพราะไม่งั้นวิธีการทำธุรกิจบนอินเทอร์เน็ตก็คงตีบตันน่าดู!!! [tags]3 แพร่ง, 3C[/tags]
ไตรภาคีที่สำคัญในแวดวง SaaS จะประกอบไปด้วย … นายทุน ซึ่งเป็นผู้ออกตังค์ และหวังจะได้กำไร ผู้ให้บริการ ซึ่งอยากสร้างฝัน อยากทำฝันให้เป็นจริง อยากทำธุรกิจ และหวังจะทำให้ธุรกิจเติบโต ผู้บริโภค ซึ่งอยากจะได้รับบริการดี ๆ บริการเจ๋ง ๆ และหวังว่าจะได้รับบริการที่ฟรี ที่สหรัฐอเมริกามีสมดุลของไตรภาคีที่เหมาะ เพราะมี “นายทุน” และ “ผู้บริโภค” จำนวนมาก ในขณะที่มี
ระบบกินรวบเป็นระบบที่ให้ผลประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เป็นเจ้าของ ยิ่งผลผลิตที่เกิดจากระบบดังกล่าวมีความเป็นเอกเทศมากเท่าไหร่ ผลประโยชน์ของระบบนั้น ๆ ก็จะยิ่งมีมากเป็นเท่าทวีคูณ ระบบเว็บไซต์ก็ถือว่าเป็นระบบที่ให้ผลประโยชน์แก่ผู้เป็นเจ้าของเช่นกัน โดยเฉพาะเว็บไซต์ซึ่งมีข้อมูลที่หลากหลายครบถ้วนบรรจุอยู่ภายใน ก็ยิ่งจะสามารถสร้างความมั่งคั่งให้แก่ผู้เป็นเจ้าของเป็นเงาตามตัว ดังนั้น นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เจ้าของเว็บไซต์จึงไม่ค่อยยินดีนัก หากจะเปลี่ยนระบบเว็บไซต์ของตนเอง จากระบบกินรวบให้กลายเป็นระบบกินแบ่ง!!! โดยปรกติแล้ว ถ้าเราสวมวิญญาณพ่อค้า เราก็ต้องคิดถึงกำไรขาดทุนเป็นสำคัญ งั้นเราลองมาคิดดูกันหน่อยดีกว่า ว่าต้นทุนที่จะเกิดขึ้นจากการสร้างระบบกินแบ่งด้วย Web Service มีอะไรบ้าง? สูญเสียเอกลักษณ์ของข้อมูล เพราะข้อมูลไม่ได้ถูกผูกขาดอีกต่อไป ต้องเสียพลังของ server
พอดีกำลังหาข้อมูลเรื่องรถมือสอง อ่านแล้วรู้สึกว่าปวดหัวยิ่งนัก เนื่องจากคนที่จะซื้อรถมือสองได้ จำเป็นต้องตรวจโน่นตรวจนี่ตรวจนั่นสารพัด เรียกว่าถ้าจะเอาให้เหมาะ จัดไปอย่าให้เสีย ก็ต้องใช้ผู้ชำนาญการทางรถยนต์มาตรวจสอบกันเลยทีเดียว!!! แต่ก็น่าแปลกนะ เพราะถึงแม้การซื้อรถมือสองจะมีความเสี่ยงเหมือนกับการแทงหวยก็ตาม แต่ตลาดรถมือสองก็โตเอาโตเอา ถึงขนาดเคยได้ยินว่า เต๊นท์รถต้องพกเงินสดไปซื้อรถมือสองจากเจ้าของ เพราะถ้ามัวอิดออดรี ๆ รอ ๆ จะโดนเต๊นท์รถเจ้าอื่นคาบไปกินกันดื้อ ๆ เลย!!! งั้นก็แสดงว่าของมือสองมันก็ดีอยู่เหมือนกัน นั่นก็คือ คุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน ราคาต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ประโยชน์ใช้สอยยังพอกล้อมแกล้ม ยังพอจะยอมรับกันได้อยู่!!
ธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์เป็นธุรกิจที่น่าสนใจมาก เพราะมีความคล้ายคลึงกับธุรกิจของธนาคาร คือ เน้นให้บริการทางการเงินเป็นสำคัญ ดังนั้น โอกาสที่จะตอดเล็กตอดน้อยจากเงินที่วิ่งผ่านไปผ่านมาจึงมีสูงกว่าธุรกิจแบบอื่น แต่ทว่าน่าเสียดาย ที่ไม่ใช่ใครก็สามารถจะทำธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้ เพราะกฎหมายกำหนดเอาไว้ว่า จะต้องเป็นบริษัทหรือบริษัทมหาชนที่มีทุนจดทะเบียนบิ๊กบึ้มซึ่งชำระแล้วตั้งแต่ 200 ล้านบาทขึ้นไป อีกทั้งยังต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอีกต่างหาก เรียกว่านอกจากเงินต้องหนาเป็นเมตร ๆ แล้ว สายป่านยังต้องยาวไปถึงขอบอวกาศโน่นเลยทีเดียว!!! ปัจจุบันมีผู้ประกอบการไทยเพียงแค่ 6 ราย ที่สามารถฝ่าห้าด่าน ประหารหกนายทัพ ลุยด้น ๆ เข้ามาทำธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้
ผมเคยได้ warrant จากหุ้นหลาย ๆ ตัวที่เคยถือ บางตัวก็แจก warrant ไม่มาก แต่บางตัวก็แจกซะเยอะเชียว!!! สำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องหุ้น ก็ขออธิบายง่าย ๆ ว่า warrant คือใบจองหุ้นซึ่งบริษัทออกให้แก่ผู้ถือหุ้น เพื่อเป็นแรงจูงใจในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งถัด ๆ ไป เพราะถ้าเรามีใบจองหุ้น เราก็มีโอกาสซื้อหุ้นของบริษัทในราคาต่ำ ๆ ได้ในอนาคต การที่บริษัทสามารถออก warrant และจดทะเบียน
ภาคการบริการกลายเป็นส่วนสำคัญในยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน ที่การขับเคลื่อนในทุก ๆ อย่างเน้นการทำงานซึ่งเฉพาะอย่างมากขึ้น (จนเราไม่มีปัญญาทำเอง เลยต้องให้ผู้อื่นทำให้) ดังนั้นเท่าที่มองแล้ว Software as a Service เองก็คงจะหารายรับให้กับตัวเองได้เพียง 4 รูปแบบ รูปแบบที่ 1 : ห้างขายยา ฉายหนังกลางแปลง ผมเกิดไม่ทันยุคนี้หรอกนะ (เดี๋ยวจะหาว่าแก่) แต่เคยได้ยินมาว่าสมัยนั้น ห้างขายยาจะเอาหนังกลางแปลงมาฉายให้ดูฟรี ๆ จากนั้นก็จะหยุดฉายเป็นระยะ
ผมเคยดูละครจีนกำลังภายในเรื่องนึงเมื่อนานมาแล้ว มีเรื่องราวอยู่ช่วงหนึ่งน่าหดหู่ ๆ โคตร ๆ เพราะพระเอกกับนางเอกในเรื่องดันตกอับ นางเอกก็เลยต้องไปนั่งเก็บเมล็ดข้าวแถวหน้าโกดังเก็บข้าวสาร ค่อย ๆ เลือกเก็บทีล่ะเมล็ดอย่างยากลำบาก เพราะเมล็ดข้าวมันตกปะปนอยู่กับขี้ดินขี้ทราย แถมแต่ล่ะเมล็ดที่เก็บมาได้ ก็มีสีตุ่น ๆ เมล็ดหัก ๆ ดูไม่น่ากินเลย แต่หลังจากเสียเวลาไปพักใหญ่ ๆ ๆ ๆ นางเอกก็เก็บเมล็ดข้าวได้เต็มกระป๋อง พอที่จะหุงกินกับพระเอกเพื่อประทังชีวิตไปได้อีกมื้อนึง!!! เสียดายที่นางเอกมีแต่วิชากำลังภายใน แต่ไม่เป็นวิชาฝ่ามือจกพัลวัน
เดี๋ยวนี้เริ่มมีข่าวพาดหัวเกี่ยวกับการจับกุมผู้กระทำความผิดโดยใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้น อือม มันทำให้เราเห็นว่าอินเทอร์เน็ตไม่สามารถปกปิดตัวตนเราได้อีกต่อไป มันทำให้อุดมคติของอินเทอร์เน็ตดั้งเดิมพังทลาย!!! อุดมคติอินเทอร์เน็ตดั้งเดิมที่ว่าก็คือ หนึ่ง อินเทอร์เน็ตสามารถปกปิดตัวตนของเราได้ และ สอง อินเทอร์เน็ตมีแต่ของฟรี!!! ข้อหนึ่งพังทลายไปแล้ว เพราะเดี๋ยวนี้จะสมัครกระดานข่าวก็ต้องใส่เลขบัตรประชาชน จะโพสคลิปวีดีโอก็ต้องใส่เลขบัตรประชาชน จะบันทึกกระทู้ก็ถูกเก็บไอพีเอาไว้ สำหรับข้อสองก็ใกล้จะพังทลาย และสาเหตุที่พังทลายก็ไม่ใช่เพราะพลเมืองอินเทอร์เน็ตไทยไม่ชอบของฟรี หากแต่ระบบธุรกรรมทางการเงินบนอินเทอร์เน็ตกำลังเริ่มกล้าแข็งขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าความกล้าแข็งดังกล่าว จะเกิดโดยกลุ่มทุนสื่อสารหรือกลุ่มทุนธนาคารก็ตามที … แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว มันทำให้การ “จ่าย” เป็นไปด้วยความปลอดภัย,