ในปี พ.ศ. 2532 ผมจบการศึกษาจากชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ครับ แล้วก็มีความแน่วแน่อย่างมากที่อยากจะเรียนทางด้าน computer เพราะได้แรงบันดาลใจจากการ์ตูนเรื่อง “เมียม” ซึ่งเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นที่เล่าถึงการเขียน software computer คิดว่าคนสมัยนี้คงไม่มีโอกาสได้ดูแล้วล่ะน่าเสียดาย ตอนนั้นฉายที่ช่องเจ็ดสีทีวีเพื่อคุณ 🙂 สนุกมาก ๆ แต่มาทราบในตอนนั้นครับ ว่าการจะเรียนทางด้าน computer ต้องเรียนในระดับปริญญาตรีนู่นแน่ะ โดยตอนนั้นฝังจำมาจากอาจารย์แนะแนวว่า ต้องไปเรียนในคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์
Author: ไท้ ปริญญา
ปัจจุบันนี้เรามีเครื่องมือในการพัฒนา software มากมายครับ ภาษาทาง computer ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเลยตลอดระยะเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา ผมเข้าวงการพัฒนา software ไม่ทันคนรุ่นแรก ๆ ครับ แต่พวกพี่ ๆ เล่าให้ฟังกันอย่างออกรสว่า การจะเขียน program เพื่อสั่งให้ computer ทำงานในรุ่นของพวกพี่ ๆ เค้านั้น เค้าต้องรู้ภาษาเครื่องครับ แถมต้องใช้บัตรเจาะรูซึ่งเป็นกระดาษแข็ง
เมื่อปีพ.ศ. 2535 ผมได้เริ่มต้นศึกษาภาษา pascal ครับ ซึ่งในสมัยนั้นกำหนดกันว่า หากใครอยากเรียนภาษา C ต้องผ่านภาษา pascal มาก่อน เพราะเขา เขาไหนก็ไม่รู้ว่ากันว่า ภาษา pascal เป็นภาษาโครงสร้างที่มีมาตรฐาน ใครก็ตามที่เรียนภาษา pascal ก็จะแน่นปึ้ก ๆ ในภาษาโครงสร้าง ซึ่งผมก็คิดว่าจริงนะ แต่บางคนอาจเถียงว่าไม่เห็นจำเป็นเลย ถ้าอยากศึกษาภาษาโครงสร้าง ก็โดดมาเรียนภาษา
ผมเห็นในต่างประเทศกำลังคึกคักเรื่อง Software as a Service มากเลยครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา, ยุโรป, เกาหลี และญี่ปุ่น ล้วนมีการสร้างระบบ Broadband Network ขนาดใหญ่กันอย่างขะมักขเม้นเลย ซึ่งไอ้เจ้า Broadband Network ขนาดใหญ่จะเป็นเหมือนกับทางด่วนขนาดใหญ่ที่จะทำให้การบริการแบบ Software as a Service สัมฤทธิ์ผลได้ ปัจจุบันเราก็รู้ ๆ
ผมรู้จักกับ Web http://www.magcartoon.com/ มาได้ราว 4 ปีแล้วครับ เพราะรู้สึกชื่นชอบมากกับรูปแบบของ Web นี้ Web นี้นำเสนอภาพยนต์การ์ตูนซึ่งใช้ Macromedia Flash เป็นตัวสรรค์สร้าง อีกทั้งพยายามประยุกต์ Web ของตนให้เป็นเหมือนโรงภาพยนต์ โดยเมื่อเราดูภาพยนต์จาก Web นี้ ก็จะเหมือนกับนั่งอยู่ที่หน้าโรงภาพยนต์เลยทีเดียว ถือได้ว่า web นี้ตรงตาม concept
ตอนนี้อุตสาหกรรม Robotic ก้าวหน้าไปมากครับ เห็นได้จากการที่โรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ล้วนใช้ Robotic ทั้งนั้น ทีนี้คำจำกัดความของ “Robotic” มันค่อนข้างกว้าง เพราะมันมีความหมายถึงอุปกรณ์ทาง electronic ที่อาศัยสัญญาณทางไฟฟ้า เพื่อส่งสัญญาณดังกล่าวไปยังอุปกรณ์ทาง electronic ที่ควบคุมกำลังไฟฟ้าเพื่อสั่งการให้เครื่องประกอบของเครืองกลให้ทำงานต่อไป แขนกลในโรงงานอุตสาหกรรมถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ Robotic ครับ เพราะมันครบทุกองค์ประกอบเลย มันใช้สัญญาณไฟฟ้าในการควบคุมจังหวะการทำงาน, มันใช้กำลังไฟฟ้าเพื่อควบคุมกลไกจักรกลให้ทำงานอีกทอดนึง แต่ปัจจุบันนี้นิยามของ Robotic มันยิ่งชัดเจนมากขึ้นครับ อันเนื่องจากการที่บริษัทชั้นนำทางด้านอิเลกทรอนิกส์และยานยนต์ต่าง
เดี๋ยวนี้จะยังมีใครที่รู้จักภาษา pascal บ้างมั้ยครับเนี่ย เฮ้อ น่าจะมีน้อยแล้วเน้อะก็มันกลายพันธุ์ไปแล้วนี่นา เพราะเดี๋ยวนี้ในตลาด Integration Development Environment ก็มีเพียง Borland Delphi เท่านั้น ที่ยังถือเป็น IDE & Compiler ภาษา pascal ที่ยังหลงเหลืออยู่ เมื่อปีพ.ศ. 2535 ตอนนู้นนะภาษา pascal เป็นที่นิยมมาก
ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าเวลาไม่ค่อยพอครับ เพราะต้องเขียน blog ด้วย แถมต้องพัฒนา software เพื่อเอามาวางไว้ในห้องแล็ปของเว๊ป https://www.parinya.net แห่งนี้ด้วย เวลาบีบรัดเหลือเกิน ขอวันนึงมีซัก 100 ชั่วโมงได้มั้ยเนี่ย?? (บ้าไปแล้ว)
คราวที่แล้วโม้เรื่อง Voice Recognition ไว้ คราวนี้มาต่อเรื่อง Speech Recognition บ้างดีกว่าครับ สำหรับ Speech Recognition นั้น เป็นหัวข้อปริญญานิพนธ์ที่ผมทำตอนที่จบการศึกษาครับ ผมเลยสามารถโม้ได้เป็นคุ้งเป็นแควเชียวล่ะ Speech Recognition คือศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์ ที่จะทำยังไงก็ได้ให้คอมพิวเตอร์รู้ว่าคำพูดที่เราพูดเข้าไมโครโฟนนั้น เป็นคำพูดว่าอะไร??? การทำให้คอมพิวเตอร์รู้ว่าเราพูดคำพูดหรือประโยคอะไรนั้น ถือเป็นปัญหาคลาสิกมานานแล้วครับ มีการขบคิดกันมาถึง 30 ปี จนในที่สุดก็คิดตกกันจนได้!!!
หนังสือเล่มนี้ผมซื้อมาเมื่อไหร่จำไม่ได้แล้ว แย่จริง เดี๋ยวนี้แก่แล้วความจำชักเลอะเลือน แต่สิ่งที่จำได้แน่ ๆ ก็คือเป็นหนังสือที่ดีมาก เพราะมันเป็นโจทย์ปัญหาระดับคอมพิวเตอร์โอลิมปิก เป็นโจทย์ปัญหาที่ยากและต้องใช้กึ๋นมาก ๆ เลยในการแก้ เพราะการแก้โจทย์ทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้ ต้องใช้การเขียนโปรแกรมเป็นหลัก รวมถึงต้องมีพื้นฐานทาง alogorithm ดีเยี่ยม และต้องเชี่ยวชาญในคณิตศาสตร์ระดับนึง เพราะโจทย์ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ซะมาก ผมเคยลองแก้โจทย์ในหนังสือเล่มนี้แล้ว พบว่ามีเพียงโจทย์ประมาณ 10 ข้อสุดท้ายที่ผมไม่มีปัญญาแก้มัน แถมไม่มีเฉลยด้วย เลยไม่รู้จะเฉลยไงดี ผู้รวบรวมโจทย์ปัญหาคือท่านอาจารย์ยืน ภู่วรวรรณครับ