หลายปีที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมศูนย์คอมพิวเตอร์ และศูนย์ Call Center อยู่บ่อยครั้งครับ การไปเยี่ยมชมว่าชาวบ้านเขาเจริญก้าวหน้าไปถึงไหนแล้วเป็นเรื่องดีมาก เพราะของบางอย่างคนอื่นมีแต่เราไม่มี ไปรู้ไปเห็นก็จะได้เอามาปรับปรุงแก้ไขของเราเองได้ ถ้าเป็นศูนย์คอมพิวเตอร์หรือศูนย์ Call Center ของบริษัทเล็ก ๆ ก็ไม่เอามาเล่าให้อ่านครับเพราะพื้น ๆ ที่จะเล่านี่ก็เลือกแต่องค์กรใหญ่ ๆ ก็แล้วกัน เมื่อราวปี พ.ศ. 2545 ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมศูนย์คอมพิวเตอร์และศูนย์ Call Center ของหน่วยงานรัฐแห่งนึงครับ
Category: Management
การจัดการองค์กร IT
บางคนที่ไม่เคยเรียนทางคอมพิวเตอร์มาอาจจะคิดว่าการสร้างซอฟต์แวร์เป็นเรื่องยาก เหอ ๆ ผมจะบอกอะไรให้ว่า งานดูแลรักษาซอฟต์แวร์น่ะ ยากกว่าจมเลย T-T โดยเฉพาะกับองค์กรขนาดใหญ่ระดับประเทศนี่ยิ่งแล้วใหญ่ครับ เพราะจะมีกลไกการเชื่อมต่อซอฟต์แวร์ที่ยุ่งยากสลับซับซ้อนมาก ๆ โดยเฉพาะระบบบริการลูกค้า ผนวกเข้ากับระบบ Billing ผนวกเข้ากับระบบบัญชีด้วยเนี่ยอ่ะนะ โคตร ๆ เลยล่ะ จริง ๆ ถ้าเราไม่ได้ไปเปลี่ยนอะไรมัน มันก็คงจะอยู่ของมันดี ๆ ทำงานได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ทีมวิศวกรระบบ หรือทีมวิศวกรเครือข่ายมาบอกเราว่า
เมื่อวานผมได้พูดคุยกับผู้ร่วมงาน ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทเอกชน ที่เข้ามาเป็นที่ปรึกษาในการจัดสร้างและดูแลระบบซอฟต์แวร์ให้กับองค์กรที่ผมทำงานอยู่ครับ เธอ – พี่ไท้ ที่ทำงานหนูมีเด็กเข้ามาใหม่ด้วยล่ะ เป็นเจ้าของเว๊ป ThaiWare ด้วยนะ ผม – อ๊ะ จริงดิ น่าสนใจแฮะ ยังไงต่อ แล้วทำไมเขาถึงเข้าไปทำงานบริษัทคุณล่ะ? เธอ – เขาบอกว่าเขาเบื่อเขียนเว๊ป แถมไม่ได้รู้จักใครด้วย ก็เลยออกมาทำงาน จะได้รู้จักคนอื่นบ้าง ผม –
คนเก่งทางคอมพิวเตอร์ควรได้รับการต่อยอด แต่เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องจึงต้องออกมาทำงานหาเลี้ยงตัว ออกมาเป็นคนทำงานให้กับระบบคนอื่น น้อยคนนักที่จะได้จบออกมาแล้วทำงานให้ระบบของตนเอง หรือน้อยคนนักที่จะได้สวมเข้ากับระบบที่มีอยู่เดิม ซึ่งเป็นระบบที่มีคนมากมายทำงานให้กับระบบนั้น ๆ อยู่ก่อนแล้ว การที่ต้องทำงานหาเลี้ยงตัว จึงเป็นตัวทำละลายความสามารถของคน ๆ นั้นอย่างดี เพราะงานกับความสามารถที่มีอาจจะขัดแย้งกัน ไม่ได้เกื้อหนุนกัน สุดท้ายความสามารถที่มีจึงโดนงานที่ต้องทำ ละลายหายไป บางคนอาจจะใช้เวลาที่เหลือจากการทำงาน เพื่อฝึกฝนความสามารถตั้งต้นที่ตนเองถนัด แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะพบว่างานประจำ ได้พรากเอาเวลาซึ่งใช้เพื่อฝึกฝนความสามารถตั้งต้น ทีล่ะเล็ก ทีล่ะน้อย เราจะพบว่ามีแรงงานคอมพิวเตอร์หลายคนประสบปัญหา เพราะงานที่รับสมัครนั้น น้อยนักจะสอดคล้องกับความสามารถที่ตนเองมี
ได้ป๊ะเข้ากับกระทู้เจ๋ง ๆ ของเฮียวิบูลย์ครับ เฮียวิบูลย์ชี้โชะ ๆ ๆ เรื่องคนเก่งเอาไว้ อ่านแล้วเนียน ๆ ๆ ๆ โกะ จริง ๆ โดยสันดานของผมแล้ว ผมชอบใช้คนเก่งให้ทำงานให้ผมมากครับ ไม่ว่าคนเก่งคนนั้นจะตำแหน่งใหญ่กว่าผม หรือตำแหน่งเล็กกว่าผม อายุน้อยกว่าผม หรืออายุมากกว่าผม เก่งด้านเดียวกับผม หรือเก่งในสาขาอื่นที่ผมไม่เก่ง ผมชอบทั้งนั้น เพราะคนเก่งล้วนอยากจะแสดงความเก่ง หากมีคนยอมรับและให้โอกาสที่จะแสดงความเก่งล่ะก็
เว๊ปไซต์ดัง ๆ ในโลกส่วนใหญ่จะอยู่ที่สหรัฐอเมริกาครับ คงเป็นเพราะเว๊ปไซต์สหรัฐอเมริกาใช้ภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่แพร่หลายมากที่สุดในโลก ทั้งในโลกแห่งความจริง และโลกไซเบอร์ แต่ถ้ามองด้วยตรรกะอย่างที่ผมโม้ งั้นเว๊ปไซต์ดัง ๆ ในโลกก็ควรกระจายอยู่ตามประเทศอังกฤษ, ออสเตรเลีย, แคนาดา, อินเดีย, นิวซีแลนด์, ฝรั่งเศส, อิตาลี, เยอรมันนี ด้วยดิ เพราะประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ใช้ภาษาอังกฤษ และส่วนใหญ่ก็เป็นประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกด้วย แต่มันก็ไม่ใช่อ่ะนะ ทำไมหนอ? ผมจับสังเกตุได้อย่างนึงว่า ทุกประเทศล้วนสร้างเว๊ปไซต์เพื่อคนในประเทศของตนเอง
ผมชอบนวนิยายจีนของกิมย้งเรื่อง “กระบี่อิงฟ้า ดาบฆ่ามังกร” มาก ได้ยินคุณพ่อเล่าให้ฟังตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วว่าเนื้อเรื่องเป็นยังไง ผมสนใจอยู่สองตัวละครเท่านั้น คือ “จางหวูจี้” อ้อ โทษทีคนไทยเรียก “เตียบ่อกี้” กับอีกคนก็ “จูหยวนจาง” จางหวูจี้เป็นยอดยุทธ ส่วนจูหยวนจางเป็นราชันย์ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ก็มีทางเลือกแค่สองทางนะ คือจะเลือกเป็นจางหวูจี้ หรือจะเลือกเป็นจูหยวนจาง ถ้าเลือกเป็นจางหวูจี้ ย่อมแสดงว่าจะทุ่มเทกับการฝึกฝนทาง “เทคนิค” เป็นหลัก แต่ถ้าเลือกเป็นจูหยวนจาง
โดยอุปนิสัยแล้วผมเป็นคนขี้เกียจมาก โคตรขี้เกียจเลยล่ะ ผมไม่ชอบทำงานให้ใคร, ไม่ชอบทำงานให้กับตัวเอง, ไม่ชอบใช้ให้ใครทำงานให้ แต่ผมชอบใช้ให้ทรัพย์สินของผมทำงานให้กับผมมาก ๆ แต่มันช่วยไม่ได้ ในเมื่อยังทำงานเป็นพนักงาน ซึ่งต้องทำงานให้ระบบของคนอื่น เพื่อให้ระบบมันวิ่งไปยังจุดหมายที่มันควรจะวิ่งได้ ก็เลยจำเป็นที่ต้องเลือกระหว่าง ทำงานให้ใคร กับ ใช้ให้ใครทำงานให้ แล้วผมก็เลือกใช้ให้ใครทำงานให้ครับ เพราะผมขี้เกียจอ่ะ!!! การใช้ให้ใครทำงานให้ ด้วยเหตุผลเพราะเราอยู่ในฐานะที่จะใช้ได้ กับการหลอกใช้มันไม่เหมือนกันนะ เพราะการหลอกใช้มันมีความหมายว่า คนที่ถูกใช้ไม่มีเหตุผล, ธุระ หรือได้ประโยชน์อะไรเลย จากการทำงานให้เรา
ถ้าใครเคยทำโครงการสร้างซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่จะรู้ดี ว่ามันวุ่นวายมากเลยครับ คนก็เยอะ ค่าใช้จ่ายก็เยอะ ความต้องการก็เยอะด้วย หลากหลายทีเดียว ส่วนใหญ่แล้วโครงการสร้างซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ จะต้องมีการจัดตั้งและระดมบุคลากรไอทีเข้ามาไว้ในโครงการครับ โดยระดมจากผู้รู้, ผู้ตื่น, ผู้เบิกบานทั้งหลาย อีกทั้งนอกจากจะต้องใช้คนในแล้ว ก็ยังต้องจ้างบริษัทเอกชนไอทีเข้ามาร่วมงานกันด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าเป็นระบบใหญ่จริง เขาก็จะทำผังองค์กรของทีมงานแบบข้างล่างนี้ ในเมื่อมีการตั้งโครงการมาแล้ว ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตัวเองไปครับ ซึ่งการจะทำงานได้ เราก็จำเป็นที่จะต้องมีการพูดคุยสื่อสารกัน ไม่ว่าจะเป็นระหว่าง คณะกรรมการกับทีมงาน ผู้ออกแบบพิมพ์เขียวกับผู้ใช้ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์กับผู้ออกแบบพิมพ์เขียว การส่งผ่านความต้องการและความเข้าใจที่ดีที่สุดก็หนีไม่พ้นการประชุมครับ ทีนี้เวลานัดประชุมกันเราก็จะพบว่าในห้องประชุมนั้น
วันนี้เห็นข่าวน่าสลดข่าวนึงครับ เป็นข่าวนักธุรกิจฆ่าตัวตาย แบบว่าอ่านแล้วสลดหดหู่ทีเดียว ถ้าใครยังไม่ได้อ่าน หรืออยากจะมีส่วนร่วมในความสลดหดหู่ด้วย เชิญกดตามไปอ่านจากพาดหัวข่าวข้างล่างได้ครับ เราอยู่ในระบบทุนนิยม, ระบบเศรษฐกิจเสรีนิยมใหม่ และระบบอุตสาหกรรม การผลิตสินค้าและบริการก็เลยจำเป็นต้องใช้เงินตราเป็นทุนในการขับเคลื่อน แล้วจุดตั้งตนของทุนจะมาจากไหน ถ้าไม่ไปปล้นจี้หรือได้รับมรดกมา ทุนก็จะได้จาก 2 แหล่งเท่านั้น นั่นคือการใช้แรงงานแลกให้ได้มา กับการกู้ยืมเพื่อให้ได้มา บางคนอาจจะคิดว่า มูลเหตุตั้งต้นที่ทำให้ระบบทุนนิยมเติบโต คือการที่ทุกคนมุ่งหวังจะได้มาซึ่งกำไร ซึ่งสมการของกำไรมันก็ง่าย ๆ นั่นคือ เอารายได้มาหักลบกับค่าใช้จ่ายหรือต้นทุน ได้ผลลัพท์มาก็คือกำไร