หลายวันก่อนผมคุยเอาไว้เรื่องเกี่ยวกับ Interactive Voice Response วันนี้เรามาต่อกันดีกว่าครับ สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงของ CRM มักจะงง ๆ กับศัพท์หลาย ๆ ตัวของคนวงการนี้ และบางครั้งก็ไม่เข้าใจว่าศัพท์บางตัวหมายถึงระบบอะไรบ้าง อันไหนใหญ่อันไหนเล็กกว่ากัน ดังนั้นผมจะมาจัดลำดับการบริการของ Customer Relationship Management System ให้อ่านกันครับ ว่าจริง ๆ แล้วมันมีระดับอะไรบ้าง
Category: Management
การจัดการองค์กร IT
วันนี้ผมนั่งทำงานอยู่ดี ๆ ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้นมา ผมก็ตกใจรีบรับสาย ตอนที่จะรับก็เห็นแว่บนึงว่าเบอร์ที่โทรมาเป็นเบอร์ *1003 แต่มือมันไวกดรับไปแล้ว แถมยังแนบฟังที่หูเรียบร้อยแล้ว ก็เลยต้องฟังไป มันเป็นระบบอัตโนมัติที่โทรมาจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือครับ เสียงเจื้อยแจ้วทีเดียว ก็พูดเป็นฉาก ๆ เลยว่ามีโปรโมชันใหม่มาแนะนำ พร้อมทั้งชี้แนะว่าต้องกดโน่นกดนี่ เพื่อให้ได้มาซึ่งโปรโมชันใหม่ (และผมก็ต้องเสียตังค์ด้วย) ทีนี้หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าเจ้ากลไกดังกล่าวเรียกว่าอะไร มันเรียกว่า Interactive Voice Response หรือ
จริง ๆ แล้วศัพท์ Lobbyist จะใช้ในกรณีที่เป็นการวิ่งเต้นประสานงานเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง แต่ยังไงวันนี้ผมก็ขอใช้หน่อยแล้วกันครับ ช่วงนี้องค์กรที่ผมงานยุ่งมาก ๆ เลย เพราะเรากำลังจะขึ้นโครงการอย่างน้อย 3 โครงการ คือ โครงการระบบ Front Office เต็มรูปแบบเพื่อรองรับลูกค้า 8,000 คนต่อวัน, โครงการระบบ Data Warehouse เพื่อมาทำรายงาน 4 มิติให้กับผู้บริหาร
ปัจจุบันไม่ว่าเราจะเข้าไปทำงานที่องค์กรไหน ไม่ว่าเล็กหรือว่าใหญ่ ก็ล้วนจะต้องใช้คอมพิวเตอร์กันแล้วนะครับ เหมือนกับว่าคอมพิวเตอร์มันได้กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญในการทำงานไปแล้ว ทีนี้คอมพิวเตอร์มันคงจะทำงานไม่ได้หรอก ถ้ามันไม่มีซอฟต์แวร์บรรจุอยู่ข้างใน จริงมั้ยครับ? ในคราวที่แล้วผมได้เขียนไว้ว่า องค์กรใหญ่ ๆ ส่วนใหญ่ มักจะจัดซื้อจัดจ้างซอฟต์แวร์ตัวใหญ่ ๆ มาไว้ในองค์กร แต่มักไม่เคยจัดสรรงบประมาณในการเชื่อมโยงระบบเหล่านั้นให้ทำงานได้อย่างไหลลื่น (อ่านจากการเชื่อมโยงข้อมูลกันในระบบ Enterprise) มาวันนี้ผมจะพลิกลิ้น พูดอีกอย่างนึง คงไม่ว่ากัน 🙂 จริง ๆ ก็ไม่เรียกว่าพลิกลิ้นหรอกครับ เพราะว่าในขณะที่บางองค์กรชอบที่จะซื้อซอฟต์แวร์ตัวใหญ่
ทุก ๆ คนเมื่อออกมาทำงานแล้วย่อมมีความคาดหวังครับ คนทำงานด้านพัฒนาซอฟต์แวร์ก็เช่นกัน นอกจากอยากจะได้ความมั่นคงในการทำงาน, ค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับความสามารถแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนล้วนอยากได้นั่นคือการได้เติบโตในหน้าที่การงานครับ หลายคนที่ออกมาทำงานพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ปีสองปีแรก อาจจะรู้สึกสนุกสนาน เฮฮา เมามันส์กับการได้พัฒนาซอฟต์แวร์ยาก ๆ ที่ต้องใช้กึ๋น แต่พอล่วงเข้าปีที่สามก็จะเริ่มรู้สึกตึง ๆ ตะหงิด ๆ บ้างแล้ว พอเข้าสู่ปีที่สี่คราวนี้จะรู้สึกแย่ ๆ แล้วครับ จะเริ่มรู้สึกว่า เว้ย เฮ้ย ทำไมยังต้องมานั่งเขียนโปรแกรมถึก
จากบทความก่อน ๆ ที่ผมเคยพูดถึงสามเหลี่ยมแห่งทักษะนั้น ผมได้แบ่งทักษะออกเป็นสามประเภท คือ ธุรกิจ, ระบบ และเทคนิค มาวันนี้ผมจะเจาะลึกลงไปในทักษะที่ว่า โดยการให้ทำแบบทดสอบ เพื่อดูว่าตัวเราเองนั้น จริง ๆ แล้วมีคุณสมบัติอะไรกันแน่ โดยบททดสอบจะเป็นดังนี้ครับ แบบทดสอบทายนิสัย ห้ามดูเฉลยก่อนนะครับ เดี๋ยวไม่แม่น โดยขอให้เลือกข้อที่ใกล้เคียงกับตัวเองมากที่สุด อย่ามั่วนิ่มนะครับ 1.บุคคลิกภาพของคุณเป็นอย่างไร? (I) ชอบสันโดษ , คิดก่อนทำ
เนื่องจากมาพักหลังนี้ผมเขียนซอฟต์แวร์น้อยลงครับ และต้องใช้เวลาในการจัดกำลังพล, ติดต่อประสานงาน และทำแผนงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ จึงจำเป็นอย่างยิ่งครับ ที่ผมจะต้องมานั่งศึกษาดูว่า อะไรกันหนอ เป็นกุญแจหลักที่จะทำให้ซอฟต์แวร์ที่เราจะสร้างขึ้น ประสบผลสำเร็จให้ได้มากที่สุด แล้วผมก็ได้คำตอบครับ สิ่งนั้นก็คือคน หรือก็คือบุคลากรในโครงการเดียวกับเรานั่นเอง