เมื่อใดก็ตามที่เศรษฐกิจไม่ดี เอกชนย่อมไม่สามารถที่จะมีอำนาจซื้อได้ ดังนั้น ภาระของการสร้างอำนาจซื้อจึงอยู่ที่ภาครัฐ ซึ่งสิ่งที่ภาครัฐจะต้องทำก็คือ การกระตุ้นการเบิกจ่ายงบฯเพื่อนำไปใช้จ่ายตามหน่วยงานรัฐต่าง ๆ โดยหวังว่าการที่หน่วยงานรัฐเป็นผู้มีอำนาจซื้อซะเอง จะทำให้กลไกเศรษฐกิจของประเทศสามารถจะขับเคลื่อนไปได้!!! แต่เนื่องจากการใช้จ่ายเงินของหน่วยงานรัฐ จำเป็นที่จะต้องทำตามกฎหมายเพื่อให้เกิดความโปร่งใส เพราะเงินที่เอามาใช้จ่ายล้วนเป็นเงินภาษีทั้งสิ้น ดังนั้น เอกชนทั้งหลายที่เป็นผู้ถูกว่าจ้างโดยหน่วยงานรัฐ จึงจำเป็นจะต้องทำตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างที่กำหนดเอาไว้ ซึ่งก็เป็นเหมือน ๆ กันทุกหน่วยงาน นั่นก็คือ ถ้าไม่ใช้วิธี “ประกวดราคา” ก็ต้องใช้วิธี “ประมูลราคา”!!! สิ่งที่เอกชนจำเป็นจะต้องรู้ หากอยากจะหากินกับภาครัฐก็คือ
Author: ไท้ ปริญญา
ผมยังไม่ได้ใช้ Amazon EC2 เป็นเรื่องเป็นราวเลย อาศัยว่าเก็บข้อมูลตรงโน้นตรงนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วก็มาสะดุดอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งตัวผมเองก็สงสัยมาตั้งนานแล้ว นั่นก็คือเรื่องของ Nameservers ซึ่งจะใช้ชี้หา Amazon EC2 สำหรับคนที่ทำเว็บไซต์ (คง) จะทราบว่า การที่เราจะผูก URL เข้ากับ Server นั้น เราจะเป็นจะต้องผูกเข้ากับ Primary Name Server
ถ้าเรายังคงเป็น “ลูกจ้าง” ซึ่งจำเป็นต้องทำงานในระบบของผู้อื่น หรือเรายังคงเป็น “คนทำธุรกิจส่วนตัว” ซึ่งจำเป็นต้องทำงานให้กับระบบของตัวเองแล้วล่ะก็ สิ่งที่หลีกหนีไม่พ้นก็คือ เราต้องทำ “งาน” คนที่เรียนทางคอมพิวเตอร์มา มักจะสับสนกับภาระงานของตัวเองมาก ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะให้น้ำหนักกับงานไหนมากกว่ากันดี ซึ่งตรงนี้ต้องบอกว่าเป็นบทบาทของระดับจัดการ ที่จะวางกำลังคนของตนเองโดยดูจาก “เนื้องาน” ที่ระบบนั้น ๆ มีอยู่เป็นสำคัญ งานคอมพิวเตอร์นั้นแบ่งออกได้เป็น 2 แบบใหญ่ ๆ คือ งานโครงการ ซึ่งเรียกให้สวยหรูว่า
ไตรภาคีที่สำคัญในแวดวง SaaS จะประกอบไปด้วย … นายทุน ซึ่งเป็นผู้ออกตังค์ และหวังจะได้กำไร ผู้ให้บริการ ซึ่งอยากสร้างฝัน อยากทำฝันให้เป็นจริง อยากทำธุรกิจ และหวังจะทำให้ธุรกิจเติบโต ผู้บริโภค ซึ่งอยากจะได้รับบริการดี ๆ บริการเจ๋ง ๆ และหวังว่าจะได้รับบริการที่ฟรี ที่สหรัฐอเมริกามีสมดุลของไตรภาคีที่เหมาะ เพราะมี “นายทุน” และ “ผู้บริโภค” จำนวนมาก ในขณะที่มี
หลังจากค้นหาอยู่หลายตลบ ในที่สุดก็หา ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. … เจอจนได้!!! มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้ “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุคคล ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม อือม อ่านแล้วรู้สึกว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล” มันมีรายละเอียดที่กว้างขวางมาก!!! โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าควรแยกข้อมูลส่วนบุคคลออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. ข้อมูลทะเบียนประวัติ อันได้แก่
ในเมื่อเมืองไทยมีตัวทดสอบความเร็วของอินเทอร์เน็ตให้ใช้กันแล้ว ไฉนเลยเล่าผมจึงไม่ลองใช้ดูซักตั้ง? ว่าแล้วผมก็ลองทดสอบความเร็วของอินเทอร์เน็ตที่ทำงานซะหน่อยดีกว่า!! อือม ผลลัพธ์แปลกดีแฮะ เพิ่งจะรู้ว่าความเร็วในการ download ของที่ทำงาน มันน้อยกว่าความเร็วในการ upload จมเลยอ่ะ T-T ป.ล. ตกลงเขาใช้วิธีไหนในการวัดล่ะเนี่ย ไม่เคยรู้เลยอ่ะ?
ตอนนี้การ์ตูน One Piece กำลังสนุก ตัวเจ๋ง ๆ มากันเพียบ พลเอกของกองทัพเรือก็อยู่กันครบ เจ็ดเทพโจรสลัดก็มี จักรพรรดิ์โจรสลัดอย่าง “หนวดขาว” ก็มาแจมด้วยอีกต่างหาก มาเยอะแบบนี้เลยเปลืองหน้าคู่ไปหลายแผ่นเลย!!! พลเอกของกองทัพเรือมี 3 คน มีอยู่คนหนึ่งเป็นมนุษย์แสง ผมชอบคนนี้จังเลย เพราะจู่โจมด้วยแสง และสามารถเคลื่อนย้ายตัวเองได้ด้วยความเร็วแสง! ในทางวิทยาศาสตร์อธิบายไว้ว่า แสงเป็นได้ทั้งคลื่นและอนุภาค ซึ่งหากเป็นคลื่นก็จะอยู่ในย่านความถี่ 484-668 เทร่าเฮิร์ต
อ่านข่าวนี้แล้วแทบสำลัก Grid Computing, The New Commodity สำหรับคนที่ไม่อยากอ่านแต่อยากรู้ก็จะโม้ว่า ฝรั่งเขาคิดจะเก็งกำไร “เวลา” ในการใช้งานของคอมพิวเตอร์ขนาดยักษ์ (ซึ่งพวกเขาถือครองอยู่) เพื่อให้องค์กรหรือคนทั่วไปได้นำ “เวลา” ที่ว่า ไปประมวลผลตามความต้องการได้ ลำพังแค่ให้ประมูล “เวลา” ก็ถือว่าโอเว่อร์แล้ว แต่นี่พี่แกคิดจะทำให้เหมือนกับการเก็งกำไรหุ้นในตลาดหุ้น, การเก็งกำไรเงินในตลาดเงิน, การเก็งกำไรอนุพันธ์ในตลาดอนุพันธ์ และ การเก็งกำไรข้าวกับยางแผ่นรมควันในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า แบบนั้นเลย!!! ที่ผ่านมาเราใช้คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยในการเก็งกำไร
ผมชอบ Web Service เพราะมันตรงไปตรงมาและเป็นมาตรฐานดี ส่งคำขออะไรไปมันก็ส่งผลลัพธ์กลับมาเป็น XML แล้วก็เป็นภาระของเราที่จะมาแยกชิ้นส่วน XML ที่ได้มา เพื่อเอามาประมวลผลต่อไป!!! ข้อเสียของมันคงมีเพียงเรื่องเดียว คือ ขนาดของผลลัพธ์ที่ไม่ใช่เล็ก ๆ เนื่องจากส่งมาเป็น Plaintext แบบ XML จึงมี TAG ซึ่งเป็น overhead เยอะพอตัว! วิธีการแก้ไขแบบต้นขั้วก็คือต้องหาวิธีบีบอัดผลลัพธ์ ที่ได้จากการร้องขอบริการของ
ที่ผ่านมาผมเคยโม้เรื่อง การประยุกต์ “ควอนตัม” ในทางคอมพิวเตอร์, อธิบาย qubit ของควอนตัมคอมพิวเตอร์แบบง่าย ๆ และ ควอนตัมคอมพิวเตอร์แบบ 2 qubits มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมยังโม้ไม่จบ เพราะที่ผ่านมาผมโม้แค่ว่ามันมีตัวตนอยู่ในโลก โม้ว่ามันมีชิ้นส่วนพื้นฐานที่สำคัญในการทำงาน และโม้ว่ามันมีความเป็นพลวัต … แต่ไม่เคยโม้ว่าโดยองค์รวมของควอนตัมคอมพิวเตอร์นั้น ตรงไหนกันแน่ที่ทำให้มันทำงานรวดเร็ว? งั้นวันนี้มาโม้กันต่อดีกว่า!!! เนื่องจากยังไม่เคยมีใครคิดค้นสถาปัตยกรรมแบบองค์รวมของ “ควอนตัมคอมพิวเตอร์” มาก่อน ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องใช้สถาปัตยกรรมแบบองค์รวมของ “ดิจิทัลคอมพิวเตอร์”