ทุกวันนี้ อารยธรรมมนุษย์ก้าวหน้าขึ้นมาได้ ก็เพราะมนุษย์เราเริ่มรู้จักการก่อ “หนี้สิน” อย่างเป็นกระบวนการ โดยหยิบยืมทรัพยากรจากแหล่งหนึ่งเพื่อไปโถมใส่อีกแหล่งหนึ่ง หรือหยิบยืมจากบุคคลหนึ่งเพื่อไปโถมใส่อีกบุคคลหนึ่ง อย่างเป็นขั้นเป็นตอน หนี้สินบางอย่างใช้คืนแค่เท่าทุน บางอย่างก็ใช้คืนพร้อมดอกเบี้ยทบต้น และบางอย่างไม่ต้องใช้คืน สำหรับกรณี Social Networking ถือว่าเป็นการก่อ “หนี้สิน” ในแบบที่ไม่ต้องใช้คืน!!! จากภาพข้างบนจะเห็นว่า ผลผลิตมวลรวมของ Social Networking ชื่อ “A” มีขนาดเล็กกว่าผลผลิตมวลรวมของ Social
Category: Inspiration
จินตนาการในเรื่องทางคอมพิวเตอร์ ที่ไม่รู้จะจัดเข้าพวกไหนดี
ช่วงนี้ผมกำลังเขียนเกมบน Facebook อยู่ครับ (หลังจากที่เล่นเกมของชาวบ้านจนติดงอมแงม) คิดว่าจะเขียนเอาไว้เพื่อให้มันเป็นสินทรัพย์ส่วนตัว (เสมือนจริง) อีกชิ้นหนึ่ง นอกเหนือจากการที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง!!! ผมเลยต้องปัดฝุ่นทักษะเดิม ๆ เพื่องัดเอาออกมาใช้หลายกระบวนวิชาเลย (วัน ๆ เอาแต่สั่งชาวบ้านก็งี้แหล่ะ ถึงเวลาจะต้องทำเองเลยไม่ค่อยคล่อง) โดยส่วนตัวแล้วผมเคยแต่เขียนโปรแกรมเชิงระบบ หรือไม่ก็โปรแกรมจำพวก ERP (เมื่อนานหลาย ๆ ๆ ปีมาแล้ว) พอมาคราวนี้เลยได้ทักษะสนุก ๆ ใหม่
วันที่ซึ่งนิยามข้อมูลบนโลกออนไลน์แบ่งออกได้เป็น 3 วันที่ อันได้แก่ 1) วันที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นในโลกแห่งความจริง, 2) วันที่บันทึกเหตุการณ์เข้าโลกออนไลน์ และ 3) วันที่ผู้ใช้งานได้เห็นเหตุการณ์ที่บันทึกบนโลกออนไลน์ มาลองยกตัวอย่างวันที่ทั้ง 3 วันที่จากเหตุการณ์สมมติกันดีกว่า … นายจริงใจ ได้พบกับเหตุการณ์คนไล่ตีกันในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 17.30 น. วันนั้นเขาพกโทรศัพท์
ส่วนใหญ่แล้วอุตสาหกรรมเฉพาะอย่างมักจะอยู่ในกลุ่มของอุตสาหกรรมไฮเทค ซึ่งต้องใช้การคิดค้นวิจัยพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมีผู้ผลิต (ในโลกหรือในประเทศ) เพียงไม่กี่ราย ที่จะสามารถผลิตสินค้าหรือบริการนั้น ๆ ได้ บางคนคิดว่าอุตสาหกรรมเฉพาะอย่างจะผลิตสินค้าหรือบริการออกมาเพียงน้อยชิ้น เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมมวลชนซึ่งผลิตสินค้าออกมาทีล่ะมาก ๆ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น เพราะอุตสาหกรรมเฉพาะอย่างก็สามารถผลิตสินค้าออกมาทีล่ะมาก ๆ ได้เช่นกัน เพียงแต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ อุตสาหกรรมมวลชนต้องผลิตครั้งล่ะมาก ๆ เพื่อทำให้ต้นทุนลดลงและมีส่วนต่างกำไรสะสมมากขึ้น ในขณะที่อุตสาหกรรมเฉพาะอย่างสามารถลดต้นทุนและสร้างส่วนต่างกำไรได้ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องผลิตออกมาครั้งล่ะมาก ๆ แต่ประการใด
ตอนนี้เริ่มเห็นว่า Application Software สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ยุคคือ ยุค Desktop Application ยุค Web Application ยุค Mobile Application โดยส่วนตัวแล้ว ถ้าเป็นในฐานะผู้พัฒนา Application Software ผมค่อนข้างมีพื้นฐานที่เข้มแข็งใน Desktop Application, มีพื้นฐานปานกลางใน Web Application
คนส่วนใหญ่เริ่มรู้แล้วว่าวิกฤตพลังงานกำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ เพราะมีสัญญาณหลาย ๆ อย่างปรากฎออกมา ไม่ว่าจะเป็นค่าวัตถุดิบสำหรับสร้างพลังงานที่มีราคาสูงขึ้น, การร่อยหรอของวัตถุดิบสำหรับสร้างพลังงาน และ ความต้องการใช้พลังงานของพลเมืองที่ถีบตัวสูงขึ้นทุก ๆ ปี การสั่งให้ซอฟต์แวร์ทำงานเองก็ต้องใช้พลังงานเหมือนกัน เพราะซอฟต์แวร์มันทำงานอยู่บนคอมพิวเตอร์และฮาร์ดแวร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และอุปกรณ์เหล่านั้นก็ต้องใช้สัญญาณไฟฟ้าในการทำงาน สัญญาณไฟฟ้ามันไม่มีทางเกิดขึ้นได้ หากไม่มีแรงดันไฟฟ้าเพื่อพาให้กระแสไฟฟ้าไหลเวียนเข้าไปในอุปกรณ์ฯ ดังนั้น มันต้องมีอะไรซักอย่างหนึ่งเพื่อมาทำให้ไฟฟ้าเกิดการเคลื่อนที่ ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ พลังงาน ผมเขียนภาพข้างบนขึ้น เพื่ออธิบายว่าเส้นทางของแหล่งกำเนิดพลังงาน โยงไปถึงสิ่งต่าง ๆ
เรามาดูกันดีกว่าว่าสาขาวิชา “วิทยาการคอมพิวเตอร์” ส่วนไหนบ้าง ที่เราจะนำไปใช้ได้ในภาคธุรกิจไทย โดยก่อนอื่น ผมขอลอกเอารายละเอียดมาจาก Wikipedia นะ แล้วเอามาแยกแยะเป็นหมวดหมู่แบบกระชับ เราก็จะพบว่า “วิทยาการคอมพิวเตอร์” เกี่ยวข้องกับเรื่องดังต่อไปนี้ … Theoretical Computer Science Mathematical Logic Automata theory Number Theory Graph Theory Type
ถ้าเราไม่นำเอามาตรฐาน ITIL มาใช้เพื่อแบ่งงานซ่อมบำรุง SAP เราก็จะสามารถแบ่งงาน SAP ออกได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ คือ MODULE, BASIS, AUTHORIZE และ ABAP งาน MODULE จะครอบคลุมการ Configure เพื่อให้ MODULE ต่าง ๆ เช่น
แค่กำลังคิดว่า … ถ้าทุกชิ้นส่วนที่ประกอบขึ้นมาเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งชิ้น มีไอพีเป็นของตัวเอง จะเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาบ้างหรือเปล่าหนอ??? ตอนนี้ยังนึกไม่ออกว่ามีประโยชน์อะไร แต่ที่นึกออกแน่ ๆ ก็คือมันคงจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นเยอะเลยอ่ะ เพราะบนตัวมันคงจะต้องมีวงจรอิเลกทรอนิกส์พื้น ๆ หรือไม่ก็มี Microcontroller หรือไม่ก็มี RFID หรือแม้กระทั่งมี Firmware อยู่บนตัวของมัน!!! อือม ขนาดเซลของมนุษย์ทุกเซลก็ยังมีโครโมโซมเลยเน้อะ งั้น การมีไอพีเยอะเยอะนี่ก็น่าจะล้อตามกันได้เหมือนกัน!! [tags]ไอพี[/tags]
ปัจจุบัน อินเทอร์เน็ตช่วยทำให้พลเมืองอินเทอร์เน็ต สามารถเข้าถึง “แหล่งกำเนิดอำนาจ” ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น!!! เมื่อเข้าถึง “แหล่งกำเนิดอำนาจ” ได้ ก็ย่อมจะสามารถสะสม “อำนาจ” ได้!!! จากภาพข้างบนจะเห็นว่า พลเมืองอินเทอร์เน็ตสามารถสะสม “อำนาจ” ผ่าน “แหล่งกำเนิดอำนาจ” ได้ 3 แหล่งแล้ว อันได้แก่ ความรู้, สื่อ และ เครือข่าย!!! อำนาจเป็นสิ่งที่น่ากลัว