มานิยามศัพท์กันก่อนครับ ก่อนที่ผมจะโม้ให้อ่านกันต่อ … ตัวแรกก็คือ … packet แปลว่า ห่อของเล็ก ๆ ส่วนตัวที่สองก็ … sniffer แปลว่า คนที่สูดจมูก ถ้าเอาสองคำนี้มารวมกันก็จะเป็น … packet sniffer = คนที่สูดจมูกเพื่อดมห่อของเล็ก ๆ หุ ๆ แปลได้จังไรมาก ๆ
Author: ไท้ ปริญญา
ผมไม่ได้มีโอกาสไป Barcamp Bangkok ครั้งที่ 2 ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 30-31 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมาหรอกนะครับ เพราะที่บ้านซ่อมบ้านอยู่ เลยต้องอยู่เป็นชนชั้นแรงงานคอยทำทุกอย่างที่ทำได้ (ถึงไม่ติดเรื่องนี้ แกก็คงไม่ไปอยู่ดีใช่มั้ยล่ะ? … อือ ทำไมรู้อ่ะ?) ก็เอาเป็นว่าผมสนับสนุนเรื่องนี้โดยการช่วย tag ก็แล้วกันครับ 😛 หวังว่าจะมีคนเอาคลิปวีดีโอมาให้ดูเร็ว ๆ
เดี๋ยวนี้ผมมีความรู้สึกว่าการพัฒนาซอฟต์แวร์กำลังมุ่งไปยัง 2 แนวทางที่ตรงกันข้ามกันครับ นั่นก็คือ … ทางหนึ่งมุ่งไปยังเส้นทางของการประมวลผลข้อมูลเพื่อแสดงผล 3 มิติเต็มรูปแบบ เน้นใช้ทรัพยากรของเครื่องอย่างหนัก เพื่อจะปรนเปรอผู้ใช้ให้ถึงอกถึงใจ ในขณะที่อีกทางหนึ่งกลับมุ่งศึกษายังกลไกเล็ก ๆ แต่ทรงพลัง เพื่อใช้สำหรับประมวลผลในอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ขนาดเล็กจำพวก PDA ซึ่งมีทรัพยากรในการประมวลผลและแสดงผลที่จำกัด!!! เพราะกระแสมันเป็นอย่างนี้นั่นเอง จึงทำให้เราเกิดความสับสนว่าตกลงจะเอายังไงกันแน่ เพราะด้านหนึ่งก็โหยหาความเป็น 3 มิติ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็โหยหาความรวดเร็วฉับไว ผมกำลังมองถึง Software as
ผมว่าผมไม่ได้ตาฝาดนะครับ เพราะผมจับสังเกตได้ว่าตอนนี้ บล็อกเกอร์หลาย ๆ คนสนใจใน “อัตลักษณ์” ของตัวเองมากขึ้น พิสูจน์ได้จากการปลีกตัวออกจากชุมชนบล็อก เพื่อมาสร้างบล็อกซึ่งเป็นโดเมนของตนเอง โดยไม่ได้สนใจว่าบล็อกของตนจะสูญเสียความสัมพันธ์กับชุมชนบล็อกไป บล็อกซึ่งมีโดเมนและพื้นที่เป็นของตนเองนั้น มันมีข้อดีตรงที่ปรับแต่งได้อย่างใจปรารถนา แต่บล็อกก็เหมือนกับเว็บไซต์โดยทั่วไป คือมันมีค่าใช้จ่ายในตัวของมัน ซึ่งถ้าเจ้าของบล็อกไม่ออกค่าใช้จ่ายเอง ก็ต้องทำให้ตัวบล็อกสามารถหารายได้เลี้ยงตัวเองได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วเจ้าของบล็อกนั่นแหล่ะ ที่ต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเอง!!! ผมจะสมมติว่าผมมีบริษัทอยู่บริษัทนึงก็แล้วกันนะ โดยบริษัทของผมทำธุรกิจเป็นตัวแทนขายโฆษณาออนไลน์ ลักษณะของธุรกิจก็ง่าย ๆ คือรับโฆษณามา จากนั้นก็ปล่อยป้ายโฆษณาให้ไปแสดงผลที่บล็อกของสมาชิกทุกคน ซึ่งนโยบายในการจ่ายผลตอบแทนก็ง่าย
ปรกติแล้วผมจะไม่รับ feed ครับ ผมชอบเข้าไปที่เว็บตรง ๆ มากกว่า สาเหตุคงเป็นเพราะรู้สึกว่า คนทำเว็บอุตส่าห์จัดเว็บไว้อย่างสวยงาม ถ้าไม่เข้าไปเสพความสวยงามเหล่านั้นแล้วมันก็กระไรอยู่ แต่ช่วงหลังผมเริ่มมีข่าวสารต้องรับเยอะขึ้นครับ เพราะผมเองก็เริ่มรู้สึกว่าไอ้ที่อยากจะอ่านอ่ะ มันมีหลายที่ซะเหลือเกิน เปิดไปเปิดมาบางทีมึนเหมือนกัน ก็เลยต้องรับ feed กับเขาจนได้ อือม แล้วถ้ามีคนคิดแบบผมเยอะ ๆ แล้วพวกเว็บไซต์จะทำไงล่ะ ในเมื่อพวกเขาล้วนติดป้ายโฆษณาเอาไว้ที่เว็บ แล้วถ้าหากว่าไม่มีใครเข้าไปที่เว็บ แถมทุกคนยังดูดจาก feed ไปอ่านอีกต่างหาก
บางครั้งการอธิบายเทคโนโลยีชั้นสูงด้วยสมการทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน มันก็ไม่เหมาะกับชาวบ้านอย่างพวกเราเท่าไหร่ จริงแมะ? ไอ้ของพรรณนั้นมันเหมาะกับพวกนักวิทยาศาสตร์ผู้ทรงภูมิปัญญาทั้งหลายมากกว่า!!! แต่ถึงแม้เราจะเป็นชาวบ้าน เราเองก็อยากจะเข้าอกเข้าใจเรื่องยาก ๆ เหมือนกัน (ถึงแม้มันจะเข้าใจยากก็เถอะ) ก็เหมือนกับการอธิบายคุณสมบัติของ qubit ซึ่งเป็นหน่วยเก็บสารสนเทศพื้นฐานของควอนตัมคอมพิวเตอร์นั่นแหล่ะ ต่อให้อธิบายด้วยทฤษฎีและสมการทางคณิตศาสตร์เป็นหน้ากระดาษ คนมันจะไม่เข้าใจ มันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี งั้น มาลองอ่านวิธีการอธิบายของผมดูบ้างดีกว่า … ผมจะขอแทนป้ายวงกลมเล็ก ๆ เป็น qubit ก็แล้วกันนะครับ โดยด้านหน้าของป้ายเป็นเลข 0
ในขณะที่ผู้เข้าชมภาพยนตร์เรื่อง WALL-E กำลังให้ความสำคัญและมุ่งความสนใจไปยัง WALL-E และ EVE ซึ่งเป็นตัวละครหลักของเรื่องอยู่นั้น ผมกลับไปสนใจตัวละครหลักตัวอื่นอยู่ … ครับ … ผมกำลังสนใจ AUTO หุ่นยนต์ซึ่งทำหน้าที่ขับยานแบบอัตโนมัติ!!! มันฉลาด มันเก่ง มันมีวินัย มันรอบรู้ และที่สำคัญมันอยู่มานานแล้ว นานตั้ง 700 ปีแน่ะ!!! ฉากการยื้อแย่งอำนาจกันระหว่าง AUTO และกัปตันนั้น
พัฒนาการของวงการไอทีไทยล้วนเดินตามสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าสหรัฐอเมริกาจะทำอะไรเราก็ล้วนไป clone ของเขามาทั้งนั้น มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเราคิดไม่ทันเขา พัฒนาไม่ทันเขา! สำหรับโลกเสมือนจริงก็เหมือนกัน ผมเชื่อว่าอีกไม่นานเราก็ต้อง clone เขามาเมื่อเราพร้อม! ที่ว่าพร้อมก็คือเราพร้อมจะลงทุนกับฮาร์ดแวร์ เพราะการจะทำให้ระบบโลกเสมือนจริงซึ่งเป็นระบบสามมิติ สามารถรองรับการเข้าใช้งานจากผู้ใช้หลาย ๆ คนได้นั้น จะมาใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวก็ไม่ได้ … อย่างน้อยก็ต้องใช้คอมพิวเตอร์ระดับใหญ่ 5 เครื่องขึ้นไปช่วย ๆ กัน แล้วก็ต้องต่อเชื่อมกันแบบ grid
หลายท่านเข้ามาที่บล็อกแห่งนี้เพื่อค้นหามัน งั้นผมทำไอคอนพาท่านเข้าไปหามันแบบง่าย ๆ ดีกว่าครับ [tags]jingjo,wordpress, plugin, opensource, extend,สะกดคำ,คำไทย[/tags]
ที่ดินถือว่าเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่อย่างจำกัด ในยุคเกษตรกรรมเราใช้ที่ดินเพื่อการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ในขณะที่เมื่อเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม เราเจียดที่ดินเพื่อใช้เป็นที่ตั้งของโรงงาน, โกดังสินค้า และถนนหนทาง เมื่อเมืองเริ่มขยายตัว ที่ดินถูกเจียดและจัดสัดส่วนใหม่ เพื่อใช้เป็นที่ตั้งของสำนักงานและที่อยู่อาศัย มนุษย์เราใช้ที่ดินเพื่อตอบสนองต่อปัจจัย 4 สลับสับเปลี่ยนกันไป ตามแต่ความต้องการในขณะนั้น ๆ หลังจากที่ระบบทุนนิยมประกาศชัยชนะและได้ครอบครองโลกใบนี้ ที่ดินก็ได้ถูกเปลี่ยนบทบาทไปเป็นทรัพย์เก็งกำไร มีการปั่นราคาที่ดินขึ้นไปสูง ๆ มันมีราคาสูงจนกระทั่งถ้าหากเราซื้อมันมาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าชาตินี้เราจะคืนทุนจากมันได้เมื่อไหร่?? ดังนั้นถ้าจะให้สรุปแล้ว คุณสมบัติของที่ดินจึงอยู่ตรงที่มันสามารถตอบสนองทางตรงต่อปัจจัย 4 ของมนุษย์ได้ ไม่ว่าจะเป็น…