เนื่องจากช่วงหลังมานี้ บล็อกแห่งนี้ถูกระงับใช้งานเป็นเวลาสั้น ๆ อยู่หลายครั้ง โดยเหตุผลที่ทราบก็คือมีการใช้กำลังของ CPU เกิน 20% ของ shared server ซึ่งผมก็งงมากว่าบล็อกเล็ก ๆ แห่งนี้มันเอาปัญญาที่ไหนไปใช้กำลังของ CPU ได้ขนาดนั้น แต่ในเมื่อเขาระงับกันหลายครั้งแบบนี้ ผมก็เลยต้องค่อย ๆ หาเหตุแห่งทุกข์ ว่าสิ่งใดหนอน่าจะเป็นตัวทำให้เกิดปัญหา highload ขึ้นมา ผมเลยตัดสินใจระงับใช้ plugins
Author: ไท้ ปริญญา
ผมเห็นเดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็สร้างบล็อกส่วนตัวกัน แล้วก็หวังว่าจะมีคนเข้าไปอ่านกันมาก ๆ แต่เอาเข้าจริงแล้วพอมาตรวจสถิติก็กลับพบว่า ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมเยียนบล็อกส่วนใหญ่นั้น มันดันเป็น web crawler ซะนี่!!! ตั้งแต่ผมติดตั้งปลั๊กอิน Feed ก็เลยทำให้ผมได้รู้ว่าคนที่เข้ามาที่บล็อกแห่งนี้นั้น สนใจเรื่อง web crawler เป็นอันมาก นอกจากจะอ่านจากที่ผมเขียนแล้ว ก็ยังติดต่อผ่าน “ห้องติดต่อ” เพื่อมาถามไถ่ผมเกี่ยวกับเรื่อง web crawler อย่างไม่ขาดสาย
พลเรือนส่วนใหญ่ไม่ค่อยกล้าใช้อาวุธครับ เพราะใช้แล้วมันมีปัญหาตามมาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นยั้งมือไม่อยู่ แทนที่จะแค่หยุดคนร้าย กลับกลายเป็นทำให้คนร้ายตาย จนต้องเดือดร้อนขึ้นโรงขึ้นศาล เพราะถูกฟ้องคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา หรือไม่ก็กลัวแม่นไม่พอ นอกจากไม่สามารถจู่โจมให้เข้าเป้า จนไม่สามารถหยุดคนร้ายได้แล้ว ยังทำให้คนร้ายโมโหแล้วทำร้ายเราหนักกว่าเดิมอีก ไม่ว่าจะเป็น มีด, ดาบ, ดิ้ว หรือ ปืน ก็ล้วนมีข้อดีข้อเสียในการใช้ทั้งนั้น!! แต่ที่สหรัฐอเมริกาเขามีอาวุธประจำกายแบบใหม่ครับ ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมใช้มาก เนื่องจากมันอุดข้อเสียหลาย ๆ อย่างของอาวุธที่กล่าวในข้างต้น และที่สำคัญมันถูกกฎหมายด้วยในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา!!! อาวุธดังกล่าวคือ
หลังจากผมได้อ่านไตรภาค “เมื่อผมบุก kapook.com” ของคุณแอนจบลง (ภาคหนึ่ง, ภาคสอง และ ภาคสาม) ผมก็ได้ข้อสรุปในทันทีว่า … ทีมงานของ kapook ไม่มีปัญหาในเรื่องของระดับปฏิบัติการเลย หากแต่มีปัญหาในเรื่องของการบริหารจัดการมากกว่า ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็คือ … ให้ทาง kapook เจียดงบประมาณส่วนหนึ่ง ส่งคนระดับบริหารจัดการไปเรียน ITIL ซะ(ครับ) … ถึงจะแพงหน่อย แต่ผมก็ว่าคุ้มนะ
ผมได้ทำการติดตั้ง WordPress รุ่น 2.5.1 ไว้ยังโดเมนใหม่อีกโดเมนนึงของผมครับ แล้วก็รู้สึกชอบใจมากที่มันมีลูกเล่นเพิ่มขึ้น สามารถเปิดโน่นชะแว้บนี่ได้อย่างสวยงาม ซึ่งคงต้องขอขอบคุณความสามารถของ jQuery ที่สอดแทรกกลไกเจ๋ง ๆ มา ณ ที่นี้ด้วย ผมเองรู้จัก jQuery เพียงผิวเผินมาก เนื่องจากไม่ค่อยให้ความสนใจกับมันเท่าไหร่ (มีเรื่องให้ต้องสนใจเยอะ) แต่เท่าที่รู้อย่างคร่าว ๆ ก็คือมันเป็น Javascript Framework ตัวนึง
มาลองนิยามสมมติฐานกันหน่อย … 1. ในยุคเกษตรกรรม ผู้ใดมีดาบและใช้ดาบเก่ง ผู้นั้นมีอำนาจ 2. ในยุคอุตสาหกรรม ผู้ใดมีปืนและใช้ปืนเก่ง ผู้นั้นมีอำนาจ 3. ในยุคทุนนิยมครองโลก ผู้ใดมีเงินตราและใช้เงินตราเก่ง ผู้นั้นมีอำนาจ 4. ในยุคปฏิวัติสารสนเทศ ผู้ใดมีซอฟต์แวร์และใช้ซอฟต์แวร์เก่ง ผู้นั้นมีอำนาจ สำหรับ 3 ข้อแรกนี่ไม่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะมันเป็นไปแล้ว แต่ไอ้ข้อ 4 นี่สิ
เดี๋ยวนี้ Opensource ต่าง ๆ นอกจากจะสร้างขึ้นเป็นระบบเปิด ที่อนุญาตให้เหล่านักพัฒนาสามารถสร้าง plugins, extension หรือ add ons เข้ามาเพิ่มเติมได้แล้ว สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของ “ภาษา” พัฒนาการของ Opensource นั้นเร็วมาก เผลอไม่ทันข้ามสัปดาห์ก็ออกรุ่นใหม่ ๆ ออกมาแล้ว ดังนั้นเราจึงมั่นใจในระดับหนึ่งว่ากลไกภายในที่สร้างขึ้นมาใหม่ ย่อมมีความเป็นเลิศในหลาย ๆ ด้าน แต่สิ่งที่จะช่วยเติมเต็มให้กับ
ถ้ายังจำกันได้ ผมเคยโม้เอาไว้ว่าผมซื้อคอมพิวเตอร์มาใหม่ เป็นยี่ห้อ HP รุ่น Pavilion g3375I Home PC ซึ่งผมเลือกที่จะติดตั้งระบบปฏิบัติการที่ผู้คนทั่วไปนิยมใช้กัน นั่นก็คือ … (คิดเอาเอง) ปรกติแล้วผมไม่เคยปล่อยให้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะของผมมีระบบปฏิบัติการเพียงระบบเดียว ถ้าเป็นสมัยก่อนผมจะแบ่งฮาร์ดดิสก์อีกครึ่งหนึ่ง เพื่อเอาไว้ใส่ระบบปฏิบัติการอย่าง Linux Slackware … ผมชอบ Linux Slackware มาก เพราะว่าผมต้องทำเองทุกอย่างเลย T-T
อ่านใน Technology Review 10 อันดับ แล้วก็พบว่า Offline Web Application คือหนึ่งใน 10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองในอนาคต ผมว่าคนที่จัดอันดับคงเกรงใจคนวงการคอมพิวเตอร์มั๊ง เลยจัดอันดับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์นี้เข้าไปด้วย ทั้ง ๆ ที่โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าวิศวกรรมพันธุศาสตร์, นาโนเทคโนโลยี, ประสาทวิทยา และฟิสิกส์อนุภาคน่าจะสำคัญมากกว่า!!! เมื่อก่อนผมก็เคยคิดเหมือนกันนะ ว่าน่าจะเป็นการดีหากผมสามารถใช้งาน Web Application ได้
ผมลองเอา SpeedTest.Net ตรวจสอบความเร็วของอินเตอร์เน็ตที่ทำงานครับ พอดีว่าผมมีภาระงานที่ต้องผลัดกันทำงานสองที่ ตอนเช้าก็ทำที่นึง ตอนบ่ายก็ทำอีกที่นึง ก็เลยอยากรู้ว่าความเร็วของอินเตอร์เน็ตมันจะเท่ากันหรือเปล่า เลยลองวัดดูซะหน่อย อันนี้เป็นของที่ทำงานซึ่งผมนั่งทำงานในตอนเช้าครับ เป็นสถานที่ที่อยู่ใกล้ชิดสนิทสนมกับ Data Center เป็นอย่างยิ่ง ผลที่ออกมาก็คือมันเร็วโคตร ๆ เลยแฮะ ส่วนอีกอันนึงเป็นที่ทำงานตอนบ่ายครับ อยู่ห่างจาก Data Center ไปพอสมควร ดังนั้นมันจึงต้องผ่าน Hub, Switching และ