ช่วงหลังมานี้ผมเริ่มเห็นว่าเว็บไซต์ต่าง ๆ เริ่มจะมีตัวอักษรระยิบระยับมากขึ้น ซึ่งภายหลังก็ได้รู้ว่ามันคือ “Glitter” หรือ “กริตเตอร์” หรือถ้ามีชื่อเรียกอย่างอื่นอีกก็ว่ากันไป แค่จะบอกว่าเห็นแล้วปวดตาซะเหลือเกิน ไม่แน่ว่าต่อไปคนที่เป็นโรคลมบ้าหมูเห็นเข้า อาจจะอาการกำเริบขึ้นมาได้ หวังว่าคนไทยเราคงยังไม่คิดจะเอาตัวอักษรภาษาไทยมาทำไอ้เจ้ากริตเตอร์ที่ว่าหรอกนะ ไม่งั้นอ่านกันตาปูดแย่เลย T-T [tags]glitter, กริตเตอร์, แสบตา, ระยิบระยับ, ตัวอักษร[/tags]
Author: ไท้ ปริญญา
สำหรับมนุษยชาติแล้ว ถึงแม้จะดิ้นรนขวนขวายไขว่คว้าหาวัตถุมาปรนเปรอตัวตนยังไงก็ตาม ยังไงซะก็หนีไม่พ้นที่จะมีวิถีชีวิตพื้นฐานเหมือน ๆ กันนั่นก็คือ กิน, ขี้, ปี้ และ นอน การกินกับการนอนถือเป็นเรื่องที่เปิดเผยกันได้ ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายอะไร แต่การปี้และการขี้นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีการเปิดเผยกันมากนัก ถึงปัจจุบันนี้การปี้จะเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง โดยเห็นได้จากการที่นักแสดงนักร้อง ต่างพาเหรดกันเปิดเผยเรื่องปี้ของตนเองออกมาในรูปของคลิปวีดีโอกันเป็นว่าเล่น!!! ดังนั้นพอถึงสุดท้ายแล้ว การขี้ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยังถูกปิดบังอยู่ต่อไป เพราะมันเป็นเรื่องที่ชวนแหวะที่สุด หากเอามานั่งบรรยายกันเป็นวรรคเป็นเวรให้อ่านกัน แต่เนื่องจากผมจะโม้เรื่องส้วมไฮเทค ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์อันทรงพลานุภาพ ที่จะทำให้เราขี้กันได้อย่างสงบสุขที่สุด ก็เลยหนีไม่พ้นที่ผมจะต้องเล่าเรื่องขี้ให้อ่านกัน (ทน
เห็นในการ์ตูนนักสืบญี่ปุ่นชอบเล่นกันจังเลยครับมุกนี้ ไอ้ประเภทที่ผู้ตายมีพรสวรรค์ซะเหลือเกิน เพราะถึงแม้จะถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสใกล้ตายแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีแรงกายแรงสมองเหลือพอที่จะทิ้งข้อความปริศนาเอาไว้ เพื่อเอาไว้เปิดเผยตัวคนร้ายว่าเป็นใคร! ผมเลยคิดว่าผมเอามาเล่นบ้างดีกว่า ท่าทางจะน่าสนุกดี อิ อิ 😛 เรื่องมันก็มีอยู่ว่ามีการฆาตกรรมเกิดขึ้นครับ และผู้ตายก็ได้มีการทิ้ง dying message เอาไว้ ดังนั้นยอดนักสืบผู้โด่งดังก็จำเป็นที่จะต้องไขคดีนี้ให้จงได้ ซึ่ง dying message ที่ทิ้งเอาไว้ก็คือ … 23022733850405455330697353 หลังจากที่สืบหาหลักฐานในที่เกิดเหตุประกอบการสืบคดีอยู่นาน ในที่สุดยอดนักสืบก็ปะติดปะต่อได้ว่า แท้ที่จริงแล้วตัวเลขดังกล่าว
ถ้าเป็นเรื่องที่ Google Adsense อนุญาตให้นำโฆษณาไปแปะไว้ที่เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเป็นภาษาไทยได้อ่ะ … อันนั้นผมรู้แล้ว … แต่สิ่งที่ผมเพิ่งรู้ก็คือ Google บอกว่าเมืองไทยเรามีพลเมืองอินเทอร์เน็ตประมาณ 14 ล้านคนแน่ะ ซึ่งมันเกินกว่าข้อมูลเดิมที่ผมมี เพราะถ้าเป็นข้อมูลเดิมที่ผมมี ผมจำได้ว่าพลเมืองอินเทอร์เน็ตไทยยังมีแค่ 8 ล้านคนเอง!!! จำนวนของพลเมืองอินเทอร์เน็ตไทย มีจำนวนเท่ากับจำนวนประชากรของประเทศกัมพูชาเลยนะครับ ไม่ใช่น้อย ๆ เลย!!! แนวความคิดเรื่อง Human-based computation
แรงจูงใจที่จะทำให้มนุษย์ “ทำ” หรือ “ไม่ทำ” อะไรก็ตาม ล้วนเกิดจากปัจจัยพื้นฐานเพียง 3 อย่างเท่านั้น ซึ่งก็คือ ความโลภ, ความหลง และ ความกลัว ดังนั้นหากเราต้องการให้เกิด “ผลผลิตมวลรวม” เราก็จำเป็นที่จะต้องเลือกใช้ปัจจัยตัวใดตัวหนึ่งหรืออาจจะทุก ๆ ตัว ในการกระตุ้นให้คนผลิตหรือบริการในสิ่งที่เราต้องการออกมา…ในระดับที่เราพอใจ ผมมักจะเลือกใช้ “ความโลภ” และ “ความหลง” เพื่อเป็นตัวกระตุ้นให้คนทำงานให้ผม เพราะดูแล้วมันละมุนละม่อมและสร้างสรรค์ดี
ผมมักจะไปดูตามบล็อกต่าง ๆ ที่เล่าเรื่องกิจกรรมที่เขาได้ทำกันมา (บล็อกของคนไอทีทั้งนั้นแหล่ะ) ซึ่งสิ่งหนึ่งที่มักจะมากระทบความคิดก็คือ ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้นอนดึกกันจังหนอ??? บางก๊วนก็นัดกันไปกินอาหารที่ร้านอาหารแบบกินด่วนตอนตีสาม บางกลุ่มก็อัดรายการโทรทัศน์ออนไลน์กันถึงตีหนึ่ง บางคนก็บอกว่ายังไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ตื่นเช้ามายังต้องมาอัด podcast ต่ออีก อีกหลาย ๆ คนก็บ่นในบล็อกว่า ต้องปั่น presentation ถึงเช้า ได้งีบไปแค่ 2 ชั่วโมงเอง ผมทำไม่ได้ว่ะ บอกจริง ๆ อึดไม่พอ!!!
ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเงินถุงเงินถังมากพอที่จะจ่ายเพื่อ dedicated server, virtual private server หรือ colocation ดังนั้นเมื่อจะทำเป็นงานอดิเรก ก็ไม่ต้องจ่ายเงินลงทุนขนาดนั้น เอาแค่ shared hosting ก็พอแล้ว!!! แต่ shared hosting ก็มีข้อเสียของมัน เพราะถึงมันจะราคาถูก แถมปล่อยพื้นที่และแบนด์วิดท์ให้ตามสบาย อยากใช้เท่าไหร่ใช้ไป … แต่มันกลับไม่ปล่อย CPU ให้เราอ่ะดิ กลายเป็นว่าเวลาทำงานของ
ในโลกนี้มีธุรกิจอยู่ 3 ประเภทใหญ่ ๆ ครับ หากนับตามบรรทัดฐานทางศีลธรรมอันเคร่งครัด ซึ่งได้แก่ ธุรกิจสีขาว – ธุรกิจที่ประกอบธุรกรรมอย่างถูกกฎหมาย จ่ายภาษีบ้างไม่จ่ายบ้าง ไม่สร้างผลกระทบกับความมั่นคงของชาติ ธุรกิจสีเทา – ธุรกิจซึ่งก็ยังถือว่าถูกกฎหมายอยู่ เพียงแต่กฎหมายจะอนุญาตเป็นราย ๆ ไป และต้องถูกควบคุมโดยเจ้าหน้าที่รัฐอย่างเข้มงวด ยกตัวอย่างเช่น ผับ, ไนทคลับ, บาร์, ดิสโก้เทค, โต๊ะสนุ้กเกอร์,
เมื่อวันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมา ผมได้เปิดกล่องอีเมลเพื่อตรวจสอบว่ามีใครติดต่อผมผ่านห้องติดต่อบ้างหรือเปล่า แล้วผมก็พบว่ามีอีเมลฉบับนึงค้างเติ่งอยู่ในนั้น!! มันเป็นอีเมลจากทีมงานของ kapook ครับ โดยเนื้อหาใจความก็คือเขาขอเชิญให้ผมไปเป็น “วิทยากร” ในงาน wordcamp bangkok 2008 เพื่อพูดเกี่ยวกับ wordpress plugin ที่ชื่อ jingjo ซึ่งผมสร้างขึ้นให้คนไทยเราใช้กัน แต่บังเอิญว่างานจัดในวันศุกร์ที่ 19 กันยายน
ปรกติบล็อกแห่งนี้จะเอาไว้ให้ผมโม้เรื่องซอฟต์แวร์และไอที ดังนั้นไอ้เรื่องที่จะนอกเรื่องเข้าป่าลงเหวไปเรื่องอื่นนี่มีน้อยมาก แต่คราวนี้ขออนุญาตท่านผู้อ่านนิดนึงนะครับ คงไม่ว่ากัน 😛 ผมขออนุญาตประชาสัมพันธ์ Taimix – เว็บข่าวจีนแปลไทย เพื่อคนไทยทุกคน! ครับ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ตั้งขึ้นเพื่อรายงานข่าวของสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยเฉพาะ!!! พอดีเห็นใคร ๆ ทำเว็บแปลข่าวกันผมก็อยากทำบ้าง แต่ติดตรงที่ผมไม่มีความรู้เชิงลึกอะไรเลย มีแต่ความรู้แบบกว้าง ๆ ดังนั้นจะให้แปลอะไรที่มันลึก ๆ ซึ่งมีศัพท์เฉพาะเยอะ ๆ แบบที่ชาวบ้านเขาทำกันก็เลยทำไม่ได้ จึงมาจบลงที่การแปลข่าวจีนนี่แหล่ะ หากใครสนใจข่าวจีน