ทุกคนที่เข้ามาในอินเทอร์เน็ตล้วนมีความเชื่อฝังใจที่เหมือนกันนั่นก็คือ ทุกอย่างที่เผยแพร่ในอินเทอร์เน็ตล้วนเป็นของฟรี!! หนำซ้ำ บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการอินเทอร์เน็ตของโลก ก็ล้วนฝังความเชื่อดังกล่าวให้แนบแน่น ด้วยการออกบริการต่าง ๆ ให้ใช้กันฟรี ๆ อีกต่างหาก เรียกว่าเป็นการตอกตะปูปิดฝาโลง ไม่ให้ได้ผุดได้เกิดเพื่อไปเชื่อในแบบอื่นอีก!!! มันก็เลยทำให้การทำธุรกิจ SaaS เป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก … หลายคนก็เลยต้องไปหาส่วนต่างจากการทำธุรกิจ Web Hosting แทน เพราะถึงแม้จะมีรายจ่ายเดือนล่ะเป็นแสน ๆ แต่เมื่อหักกลบลบกับรายรับแล้ว ก็ยังพอเหลือส่วนต่างกำไร 2x,xxx
Author: ไท้ ปริญญา
ผมไม่ค่อยแข็งแรงวิชาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ซักเท่าไหร่ เพราะตอนเรียนไม่ได้สนใจมากนัก วิชาความรู้ก็เลยคืนอาจารย์ไปหมดแล้ว วันนี้เลยว่าจะมารื้อฟื้นเกี่ยวกับ “สถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์” ใหม่ดูดีกว่า ว่ายังเข้าใจถูกหรือเปล่า? งั้นมาเริ่มกันเลย … แบบที่ 1 สถาปัตยกรรมแบบ Client / Server Client ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ หลาย ๆ ตัว พากันระดมขอใช้ทรัพยากรจาก Server
ส่วนใหญ่แล้วเว็บไซต์ที่ดัง ๆ และมีคนเข้าเยอะ ๆ มักจะสร้าง core engine ด้วยตนเอง มันก็เลยมีลักษณะผูกขาดกลาย ๆ ไปในตัว เพราะผู้อื่นลอกเลียนแบบได้ยาก แต่ก็เพราะเป็น core engine ของตัวเองอีกนั่นแหล่ะ จึงทำให้เมื่อต้องมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้น ก็ต้องออกแรงหืดขึ้นคอกันทุกที เนื่องจาก core engine ที่สร้างขึ้นไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของ best
ยุคนี้ใคร ๆ ก็ต้องถือว่า “เงิน” คือ “พระเจ้า” กันทั้งนั้น เพราะถ้าไม่มี “เงิน” เราก็คงใช้ชีวิตอยู่ไม่ได้แหงม ๆ โดยเฉพาะในสภาวะสังคมเช่นนี้ สภาวะสังคมที่เราต้องพึ่งคนอื่น เพราะเราไม่สามารถจัดหาทุกสิ่งทุกอย่างให้กับตัวเราเองได้ … ดังนั้นเราจึงต้องจ่าย “เงิน” เพื่อให้ได้มาซึ่งโภคภัณฑ์, ครุภัณฑ์, ผลิตภัณฑ์, ละมุนภัณฑ์ หรือ กระด้างภัณฑ์ อะไรก็แล้วแต่ มาใช้ในการอุปโภคและบริโภค
ตลาดถือเป็นสถานที่สำคัญมากสำหรับมนุษย์ เพราะเป็นสถานที่ชุมนุมเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ และที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ ภายหลังจากการเกิดตลาด ระบบเงินตราซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในยุคปัจจุบันจึงได้ถือกำเนิดขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายสินค้าและบริการในตลาด! ดังนั้น ตลาดจึงเป็นแหล่งดึงดูดให้ผู้คนและเม็ดเงินหลั่งไหลมารวมกัน และเป็นสถานที่ ๆ ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไปในคราวเดียวกัน!!! ถ้าเราจะแบ่งแยกประเภทของตลาด เราคงจะแบ่งได้เป็นหลาย ๆ แบบมาก แต่ที่ผมกำลังจะโม้ในหัวข้อนี้ก็คือ การแบ่งแยกตลาดอิงจากทุนนิยมไร้พรมแดน … นั่นคือ เราจะแบ่งตลาดได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ตลาดซื้อขายธรรมดา กับ
หลายสิบปีก่อนผมเคยได้ยินเรื่องการสะกดจิตหมู่ โดยใช้วิธีสอดแทรกภาพเข้าไว้ในฟิล์มหนัง จากนั้นก็ฉายหนังให้ผู้ชมรับชมกัน ฟิล์มหนังหมุนเพื่อฉายภาพอย่างรวดเร็ว สามัญสำนึกของมนุษย์ไม่สามารถจับภาพที่แทรกไว้ได้ก็จริง แต่ดวงตาก็ได้บันทึกภาพที่แทรกเอาไว้ในฟิล์ม ส่งเข้าไปยังจิตใต้สำนึกเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งผลที่ได้รับก็คือ ภายหลังจากชมหนังดังกล่าว ทุกคนล้วนรู้สึกอยากจะดื่มโค้กและอยากจะกินข้าวโพดคั่วกันอย่างถ้วนหน้า เพราะภาพที่แทรกเอาไว้ในฟิล์มเขียนข้อความชี้ชวนให้ดื่มโค้กและกินข้าวโพดคั่วนั่นเอง!!! นั่นคือสิ่งที่ได้ยินมา … แต่ความเป็นจริงก็คือ ยังไม่มีหลักฐานใด ๆ มายืนยันว่า การแทรกภาพเข้าไปไว้ในฟิล์มหนัง จะสามารถสะกดจิตผู้คนได้จริง ๆ หรือถ้าทำได้จริง ก็คงจะไม่ใช้วิธีการแทรกภาพเข้าไปไว้ในฟิล์มหนัง หากแต่เป็นการถ่ายวีดีโอเพื่อสะกดจิตกันโต้ง ๆ ซะมากกว่า!!!
สมัยที่เราเป็นนักเรียน คุณครูจะเป็นคนสอนทุกอย่างแก่เรา เราไม่จำเป็นต้องขยับทำอะไร เมื่อเราเป็นนักศึกษา อาจารย์จะบอกแค่ keyword ให้กับเรา เพื่อให้เราไปหารายละเอียดเพิ่มเติมเอง พอเราออกมาทำงาน ตัวเราเองจะต้องค้นหา keyword ให้กับตัวเอง, หารายละเอียดเพิ่มเติมเอง และประยุกต์รายละเอียดที่หาได้ให้สำเร็จให้จงได้ ตอนนี้ผมก็หา keyword บางตัวได้แล้ว … … มันคือ Subliminal message … ที่เหลือก็เอาไปคิดเองว่าเราจะเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง!!! [tags]subliminal,message[/tags]
สมัยก่อนเราเก็บเงินไว้ในบ้าน ดังนั้นถ้าโจรปล้นบ้านเรา มันก็จะแย่งชิงเอาเงินของเราไปได้ … แย่หน่อยที่ไม่มีใครมาช่วยปกป้องเงินทองของเราเอาไว้ สำหรับสมัยนี้ เราคงเลือกที่จะฝากเงินทองเอาไว้ที่สถาบันการเงินแทน ถึงแม้จะมีกฎหมายไม่คุ้มครองเงินฝากออกมาเราก็ไม่สน เพราะฝากเงินทองเอาไว้กับสถาบันการเงินมันปลอดภัยกว่า สถาบันการเงินเองก็เอาเงินของลูกค้ามาวางกองสุมรวมกัน แล้วบันทึกลงคอมพิวเตอร์ว่าลูกค้าแต่ล่ะรายฝากเงินเอาไว้เป็นจำนวนเท่าไหร่ และที่สำคัญต้องบันทึกเป็นรายการรับจ่าย ไม่ใช่ใช้วิธีบวกลบเลขจากยอดเดิม เพราะถ้าบวกลบจากยอดเดิมมันตรวจรายการย้อนกลับไม่ได้ ว่าเงินมันมีที่มาที่ไปยังไง? พอโม้มาถึงตรงนี้ก็จะเห็นว่า โจรมันต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปปล้นเงินที่สถาบันการเงินแทน ซึ่งถ้ามันปล้นแบบดิบ ๆ โดยการสวมหมวกไหมพรม ถือปืนสงคราม ยกพวกกันเข้าไปค้นเงินจากเคาเตอร์ก็ว่าไปอย่าง … แต่ถ้ามันเป็นโจรที่รู้จักวิธีเข้าไปในคอมพิวเตอร์ของสถาบันการเงินแบบนิ่ม ๆ
งั้นลองเปรียบเทียบกันดูหน่อย ระหว่างอันนี้ … พระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. ๒๕๐๑ มาตรา ๙ ห้ามมิให้ผู้ใดทำ จำหน่าย ใช้ หรือนำออกใช้ซึ่งวัตถุหรือเครื่องหมายใดๆ แทนเงินตรา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี มาตรา ๓๕ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๙ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กับอันนี้ … พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.
ไม่ว่าจะเป็นอารยธรรมไหนก็ล้วนมีตำนานเกี่ยวกับ 12 นักษัตรหรือ 12 ราศีทั้งสิ้น งั้นมาดูตำนาน 12 นักษัตรในจักรราศีแห่งโลกคู่ขนาน (แบบยกเมฆ) กันหน่อยดีกว่า โดยตำนานได้เล่าเอาไว้ดังต่อไปนี้ 😛