XAJAX ไม่ยากครับ ลองนิดหน่อยแล้ว แต่ผมยังขี้เกียจอ่าน wiki ของมัน เพื่อทำความเข้าใจกับคุณสมบัติของ Class, Properties และ Method ครับ เวลาผมอ่านเรื่องพวกนี้ ผมจะจำไปตลอดเลย ดังนั้นต้องให้เวลากับตัวเองหน่อย ไว้อ่านหนังสือของพอล ครุกแมนจบเมื่อไหร่ ค่อยกลับมาเรียนวิชา XAJAX ต่อแล้วกัน [tags]ajax, ajax framework, xajax, การสร้างซอฟต์แวร์[/tags]
Category: Programming
พูดคุยแต่เรื่องสร้างซอฟต์แวร์
ถ้าจะทำ SaaS เพื่อให้บริการคนไทย ก็ควรจะตั้ง hosting ไว้ที่เมืองไทย ผมคิดแบบนั้น แต่สงสัยจะมีอุปสรรคซะแล้ว เพราะนอกจาก hosting เมืองไทยจะแพง และให้เนื้อที่ฮาร์ดดิสก์น้อยแล้ว ยังให้ bandwidth ต่อเดือนน้อยอีก!!! เฮ้อ จะรู้กันมั้ยเนี่ยว่าบริการแบบ SaaS นั้น ถ้าไม่หนักไปที่เนื้อที่ฮาร์ดดิสก์ ก็ต้องหนักไปที่ bandwidth อ่ะ นี่เล่นน้อยทั้งสองอย่าง แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาทำได้กันล่ะเนี่ย?
ถ้าเป็นภาษาที่มนุษย์เราใช้สื่อสารกัน ก็เป็นที่ยอมรับกันไปทั่วซะแล้ว ว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางของโลกใบนี้ ตอนแรกผมก็รู้สึกว่าภาษาอังกฤษยาก แต่ตอนนี้นะรู้สึกเลยว่าภาษาไทยเรานั้น ยากนรกโลกันต์กว่าเยอะ ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริง ๆ ที่ได้เกิดเป็นคนไทย เพราะถ้าผมเกิดเป็นคนชาติอื่นแล้ว ผมก็คงไม่มีปัญญาศึกษาภาษาไทยให้เข้าใจได้แล้ว เพราะเอาเข้าจริงแล้วภาษาไทยมันยาก จริง ๆ ทีนี้มาดูกันบ้างซิว่าในโลกคอมพิวเตอร์นั้น ภาษาอะไรควรจะเป็นภาษากลางดี อือม ๆ เดี๋ยวนี้เราใช้อินเตอร์เน็ตกันอย่างกว้างขวางแล้วเน้อะ รูปแบบไฟล์ข้อมูลก็มีตั้งเยอะแยะ แล้วจะเอาตัวไหนเป็นภาษากลางดี ผมเลือกไม่ได้หรอก เพราะเขาเลือกกันไปแล้ว (เขาไหนวะ?) เขาเลือก
เดี๋ยวนี้ลูกเล่นในการสร้างเว๊ปไซต์มีเยอะขึ้นครับ ต่างจากสมัยก่อนลิบลับเลย และผมก็พบว่าหากผมต้องทุ่มเทเวลาไปกับการฝึกฝนลูกเล่นเหล่านี้ ผมคงจะหลังแอ่นน่าดู เวลาหลังงานประจำ คือเวลาสำหรับงานอดิเรก บางทีก็คงต้องจัดสัดส่วนให้ดี ระหว่างการปรับปรุงแนวคิด กับการฝึกฝนลูกเล่น ถ้าด้านใดด้านนึงเสียสมดุลไป ระบบความคิดและทักษะก็จะรวนไปหมด ผมเห็นเว๊ปไซต์ส่วนใหญ่ เริ่มมีการใส่ลูกเล่นของ AJAX เข้าไปมากขึ้น ซึ่งก็เชื่อว่าอีกไม่นานเว๊ปไซต์ต่าง ๆ ซึ่งเปิดดำเนินการมานานแล้ว หรือเพิ่งจะเปิดดำเนินการ ก็คงจะทยอยใส่คุณสมบัติของ AJAX เข้าไป โดยส่วนตัวมองว่า AJAX คือต้นทุนในการสร้างเว๊ปไซต์อย่างนึงนะ
คิดจะทำ BI กัน ก็เลยจะเอาข้อมูลมาใส่ให้ BI เพื่อจะให้ BI มันทำงานต่อได้ งั้นก็ต้องใช้กลไก XI เพื่อส่งข้อมูลให้ BI อีกทอดนึง แต่พอดีข้อมูลที่วิ่งไปมา มันวิ่งไปมาด้วย HL7 ก็เลยต้องแปลง HL7 ให้กลายเป็น XML ก่อน โดยใช้กลไก XI เป็นตัวแปลง ถึงจะส่งเข้า
รายการข้างล่างนี้เป็นการโม้ครับ ซึ่งอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ คนที่เล่นเน็ตส่วนใหญ่รู้จัก Google มีคนไม่น้อยในข้อ 1. ที่รู้ว่า Google ใช้ Web Crawler เป็นตัวเก็บข้อมูลสำหรับไว้ค้นหา มีคนหลาย ๆ คนแต่ไม่เยอะนักในข้อ 2. ที่รู้ว่ากลไกของ Web Crawler นั้นมันทำงานยังไง และ น้อยคนนักในข้อ 3. ที่เคยสร้าง Web
โดยปรกติแล้วผมจะชอบเข้าไปอ่านบทความทางวิทยาศาสตร์ที่ ScienceDaily บ่อย ๆ ครับ ที่นั่นเป็นที่ ๆ มีทั้งข่าวสารและบทความล่าสุดของวงการวิทยาศาสตร์ในโลกใบนี้ อินเตอร์เน็ตนี่มันดีเน้อะ มันช่วยให้บทความ, วารสาร หรือข่าวสารทางวิทยาศาสตร์ เผยแพร่ได้อย่างรวดเร็วมาก ๆ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ต้องมาเสียเวลาตีพิมพ์เป็นรูปเล่ม ชักช้าเพราะติดระบบคอขวดของสำนักพิมพ์ วิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่มักถูกโจมตีอยู่เสมอว่าเป็นวิชาที่คิดแบบแยกส่วน ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมก็เห็นว่าจริงว่ะ แต่มันช่วยไม่ได้อ่ะครับ ในเมื่อวิชาที่คิดแบบรวมส่วนอย่างลัทธิเต๋า, ลัทธิขงจื๊อ หรือศาสนาพุทธ ซึ่งจริง ๆ อธิบายธรรมชาติได้ดีกว่าเป็นไหน
มนุษย์เราจะไม่สามารถดึงเอาประสบการณ์ออกมาใช้ได้เลยครับ หากขาดซึ่งความทรงจำ ความทรงจำจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก บางครั้งสำคัญกว่าความสามารถในการวิเคราะห์ หรือคำนวณซะอีก ผมเคยมีรุ่นน้องคนนึงสมัยเรียน เขามีความสามารถในการคำนวณทางคณิตศาสตร์สูงมาก แต่กลับมีความทรงจำที่แย่มาก ถ้าเทียบกับคอมพิวเตอร์แล้วก็คงเหมือนกับเครื่องที่ใช้ CPU Intel Celeron 2.2 GHz ที่มี RAM เพียงแค่ 1MB, ไม่มีฮาร์ดดิสค์อยู่ในตัวเองเลย และทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ MS-DOS 6.0 อือม ดูไม่จืดเลย เพราะถึงทรงพลังในการประมวลผล
วันนี้ผมได้มีโอกาสลงไปสำรวจการพัฒนาซอฟต์แวร์ของทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ครับ นาน ๆ จะลงไปดูซักทีนึง ว่าตอนนี้ทำอะไรกันไปถึงไหนบ้าง อยากรู้ เวลาลงไปทีนึงเหล่าทีมพัฒนาฯก็จะเห็นผมเป็นซานตาคลอสครับ ขอ Server ใหม่บ้าง, ขอ RAM บ้าง, ขอ Desktop ใหม่บ้าง, ขอคนเพิ่มบ้าง เป็นต้น ในใจผมก็คิดแต่ เอ้อ ไม่ได้เป็นผู้จัดการทาง System Admin
เคยมั้ยครับเวลาได้โปรแกรมมาซักตัวนึง แล้วอยากรู้ว่ากลไกการทำงานของมันลึก ๆ แล้วเป็นไง? อือม บางคนอาจจะไม่เคยอยากรู้ แค่ได้มันมาใช้ก็พอแล้ว บางคนอาจจะอยากรู้แบบผมเป็นต้น ถ้าอยากรู้ก็ต้องทำวิศวกรรมย้อนกลับ ซึ่งในวิกีพีเดียสอนไว้ว่าทำได้ 3 อย่าง คือ ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการ debug โปรแกรม แล้วก็นั่ง debug ดูการทำงานของโปรแกรมมัน ซึ่งซอฟต์แวร์ดังกล่าวมีอยู่ตัวนึงที่เป็นที่นิยมมากคือ SoftICE ใช้ซอฟต์แวร์เพื่อเปลี่ยนโปรแกรมซึ่งเป็นภาษาเครื่อง ให้กลายเป็นภาษา Assembly แล้วเราก็มานั่งทำความเข้าใจการทำงานของมัน